สำหรับคนวัยเกษียณ หุ้นเทคโนโลยีคือพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว แม้จะเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงแต่ก็มีความผันผวนตามธรรมชาติมากเช่นกันจนไม่สามารถคืนเงินปันผลคืนได้อย่างต่อเนื่อง
แต่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีถือเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ท่ามกลางการล็อกดาวน์ เคอร์ฟิวและมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมอยู่แต่ที่บ้าน บริษัทเทคโนโลยีกลับสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลางเชื่อมทุกมิติในการใช้ชีวิตของมนุษย์เราแทบทุกด้าน
ความจริงยิ่งกว่านั้นคือ คุณสามารถหาหุ้นเทคโนโลยีที่มีความเสี่ยงต่ำและยังมอบผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมาได้ในทุกๆ ปี ในบทความนี้เราจะพาไปดูหุ้นเทคโนโลยีทั้งสามตัวที่มีคุณลักษณะความเสี่ยงต่ำ สามารถให้ผลตอบแทนในระยะยาวซึ่งเหมาะกับนักลงทุนวัยเกษียณที่ไม่ชอบความเสี่ยงได้
1. Microsoft
หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกหุ้นสำหรับผู้เกษียณคือต้องเลือกหุ้นที่สามารถปันผลได้ทั้งในยามที่เศรษฐกิจดีและแย่ ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) คือตัวเลือกที่เข้าเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้ หุ้นไมโครซอฟต์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหุ้นที่ไม่ว่าสายอนุรักษ์นิยมหรือสายเน้นเติบโตต่างก็ชื่นชอบและตามหามาตลอด ในรอบสิบปีล่าสุด การเติบโตของอัตราการปันผลต่อปีเพิ่มขึ้น 14.30% เปอร์เซ็นต์การปันผลต่อปีอยู่ต่ำกว่า 1% โดยมีอัตราการปันผลต่อไตรมาสอยู่ที่ $0.56 ต่อหุ้น
แม้ตัวเลขการปันผลจะไม่สูงเท่าไหร่สำหรับนักลงทุนหลายๆ คน แต่อย่าลืมว่าบริษัทไมโครซอฟต์หลังจากเปลี่ยนมาพึ่งพาเทคโนโลยีคลาวด์มากขึ้นก็นับได้ว่าบริษัทกำลังอยู่ในช่วงที่มีการเติบโต ตลอดห้าปีที่ผ่านมาหุ้นไมโครซอฟต์ปันผลคืนให้กับนักลงทุนไปแล้วมากถึง 333%
มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าในอนาคตไมโครซอฟต์จะยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการปันผลนั้นยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกในอนาคตอีกด้วย เพราะแม้แต่ในยามที่ทั่วทั้งโลกลำบากจากวิกฤตโควิด-19 บริษัทไมโครตซอฟต์ก็ยังสามารถทำกำไรได้จากการให้ผู้ใช้งานใช้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่บนคลาวด์ การขายเกมและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
หากคุณเป็นคนที่ต้องการลงทุนเพื่อยามเกษียณ หุ้นอย่างไมโครซอฟต์คือตัวเลือกที่ไม่มีเอาไว้ในพอร์ตไม่ได้ นี่คือหุ้นของยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีที่เด่นทั้งการป้องกันและการรุกในเวลาเดียวกัน
2. Apple
นักลงทุนหลายคนมองว่าผลตอบแทนจากการถือหุ้นแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ไม่มีความน่าดึงดูดมากเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่านี่กำลังพูดถึงบริษัทที่มีเงินสดอยู่ในมือมากที่สุดในโลก อย่าประมาทหุ้นแอปเปิลเพียงเพราะมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเพียง 0.68% ที่สำคัญแอปเปิลยังชอบใช้กลยุทธ์การซื้อหุ้นบริษัทตัวเองกลับคืนมาอยู่ตลอด ในรอบหกปีล่าสุดอัตราการปันผลของหุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ยกเว้นปีที่แล้วที่ทำได้เพียง 6% และมีการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส ณ ปัจจุบันอยู่ที่ $0.2 ต่อหุ้น
การที่แอปเปิลสามารถทำกำไรต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $3.28 ได้ในปี 2020 และมีเปอร์เซนต์การจ่ายปันผลแบบรายปีอยู่ที่ $0.82 คิดเป็น 25% ของกำไรที่แอปเปิลหาได้และแสดงให้เห็นว่าแอปเปิลยังมีพื้นที่ให้ปรับขึ้นตัวเลขการปันผลได้อีกในทุกๆ ปี
ในขณะที่แอปเปิลทยอยเพิ่มเงินปันผล แอปเปิลก็ได้ไล่ซื้อหุ้นของตัวเองกลับคืนมาอยู่ตลอด ด้วยเงินสดที่มีในมือมากถึง $196,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้แอปเปิลมีโอกาสที่จะใช้กลยุทธ์ซื้อหุ้นคืนเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มเงินสดของตัวเองอีกในอนาคต เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่เน้นความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรกมากที่สุด
3. Texas Instruments
บริษัทสุดท้ายที่เราอยากจะนำเสนอคือบริษัทเท็กซัส อินสทรูเมนต์ (NASDAQ:TXN) เป็นบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่นเครื่องคิดเลข ไมโครโปรเซสเซอร์ และอื่นๆ แต่ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับบริษัทในตอนนี้คือการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ที่เท็กซัส อินสทรูเมนต์ พวกเขาผลิตชิปให้กับแทบจะทุกวงการที่ต้องใช้ชิปคอมพิวเตอร์ในการประมวลผล ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน
สิ่งที่ทำให้หุ้นตัวนี้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนระยะยาวคือรูปแบบการปันผลของบริษัทที่เติบโตขึ้นในทุกๆ ปี ทุกวันนี้บริษัทมีอัตราผลตอบแทนรายปีอยู่ที่ 2.32% เปอร์เซ็นต์การปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.08 และในช่วงห้าปีล่าสุด การปันผลของบริษัทนั้นเติบโตขึ้น 23% ต่อปี
ด้วยเปอร์เซ็นต์การปันผลเทียบกับกำไรต่อหุ้นที่มากกว่า 60% ทำให้หุ้นของบริษัทเท็กซัส อินสทรูเมนต์มีโอกาสที่จะเพิ่มเงินปันผลขึ้นไปเรื่อยๆ ในแต่ละปี ท่ามกลางกระแสการเติบโตของเทคโนโลยีในตอนนี้และความเชื่อว่าเทคโนโลยีจะยิ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อการระบาดของโควิดจบลงอย่างสมบูรณ์ หุ้นของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากในการลงทุนระยะยาว