Cyber Monday Deal: ลดสูงสุด 60% InvestingProรับส่วนลด

วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก หลัง IMF บอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะหดตัวหนักสุดในรอบ 100 ปี

เผยแพร่ 15/04/2563 08:53

เรามีข่าวร้ายและข่าวดี 2 อย่างในคืนนี้

ข่าวร้าย - ตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกกำลังจะแตะ 2 ล้านคนในคืนนี้

ข่าวดี - อัตราผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากหลักแสนลงมาเหลือ 7 หมื่นต่อวันแล้ว

คำถามต่อไปที่ตลาดกำลังพยายามจะหาคำตอบคือ #ประเทศไหนกำลังจะกลับมาเปิดประเทศเมื่อไหร่บ้าง ?

เพราะเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวได้มากแค่ไหน การใช้น้ำมันจะกลับมาเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าประเทศต่างๆจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้นเมื่อไหร่ ? โดยตอนนี้กำลังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลก

IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ออกมารายงานในคืนนี้ว่าการปิดประเทศเก็บตัวอยู่บ้านทั่วโลกหรือ “The Great Lockdown”นั้น จะทำให้ #เศรษฐกิจโลกหดตัวมากที่สุดในรอบ 100 ปี ! ผลกระทบนั้นจะเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ The Great Depression ครั้งก่อนในปี 1930s

Recession กับ Depression นั้นต่างกันอย่างไร ?

Economic Recession = ภาวะเศรษฐกิจถดถอย นั้นเกิดขึ้นเมื่อ GDP ติดลบอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ไตรมาสติดต่อกัน

Economic Depression = ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดขึ้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจนั้น GDP ติดลบยาวมากกว่า Recession เป็นปีๆ และผลกระทบนั้นหนักกว่าเพราะหลายครั้งที่เกิดขึ้นนั้น GDP อาจติดลบถึง 2 หลักหรือมากกว่า -10% เลยทีเดียว
ปีนี้จะเกิด Depression ขึ้นหรือไม่ ?

ในขณะนี้ยังไม่มีใครมองว่าจะเกิดขึ้น ถ้าทุกๆประเทศกลับมาเปิดประเทศได้ตามกำหนดและยังไม่เกิดวิกฤตคลื่นการผิดชำระหนี้

แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องหนี้เสียลูกโซ่เกิดขึ้นนั้น มีโอกาสสูงที่จะเกิด Depression เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกนั้นแทบจะต่ำติดดินจนยากที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดแล้ว

IMF มอง GDP ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?

เมื่อ 3 เดือนก่อนนั้นทาง IMF ได้มองว่าแต่ปีนี้โลกเราจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ +3.3% แต่ไวรัส Covid-19 นั้นใช้เวลาเพียง 3 เดือนทำให้ตัวเลขนั้นกลับจากบวกเป็นลบ

โดยทาง IMF นั้นได้ออกมาปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP กลายเป็น -3% แทนในปีนี้ หากเป็นจริงจะเป็นการหดตัวที่รุนแรงกว่าวิกฤต Subprime ในปี 2008 อีก

และที่แย่กว่านั้นคือ... มีนักวิเคราะห์หลายๆสำนักนั้นมองตัวเลขไว้แย่กว่าทาง IMF อีก โดยตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยที่เราเห็นนั้นอยู่ที่ประมาณลบ 3-5% ทำให้ตัวเลขของ IMF นั้นถือว่าค่อนข้างมองโลกในแง่ดีแล้วทีเดียว

ทาง Goldman Sachs ออกมากล่าวว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ ที่ผลกระทบไวรัสน่าจะหนักสุดเหล่าประเทศที่โดนไวรัสกระทบนั้นจะมี GDP ติดลบในไตรมาสนี้สูงถึง -35% เลยทีเดียว !

Gita Gopinath หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวว่า “วิกฤตครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะเรายังไม่มั่นใจกับตัวเลขมากเท่าไหร่เลย ผลกระทบนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ยังมีความไม่แน่นอนด้านระยะเวลาอีกมาก #ความยากของการวิเคราะห์นั้นคล้ายกับว่าเรากำลังอยู่ในสงครามเลยทีเดียว


IMF ยังมองว่า GDP ปีหน้าจะดีดขึ้น +5.8%

เหตุผลเดียวที่ GDP ปีหน้าอาจจะกลับมาโตสูงสุดในรอบ 40 ปีนั้นก็เพราะว่าตัวเลขฐานของปีนี้จะต่ำมาก ทำให้การโตของปีหน้านั้นดูสูง แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าตัวเลขของทาง IMF นั้นค่อนข้างจะมองโลกในแง่สดใส และการโตจะกลับมาเป็นปกติภายในปลายปีนี้

#ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยนะครับ แต่ทางนักวิเคราะห์ของ IMF เองก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าทางเขาก็ไม่มั่นใจกับตัวเลขชุดนี้เท่าไหร่

IMF จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไหม

ทาง IMF นั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่าถ้าประเทศไหนยังไม่สามารถกลับมาเปิดประเทศเป็นปกติได้นั้น กำลังจะมีหลายๆธุรกิจที่ต้องล้ม มีประชาชนหลายๆคนที่ไม่มีรายได้ หลายประเทศจะต้องการความช่วยเหลือทางการเงินแน่ๆ

ทาง IMF จึงกำลังจัดเตรียมเงินกู้ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐออกมาเพื่อช่วยประครองเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก

แล้วความคืบหน้าของการเปิดประเทศต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง ?

ทาง ฝรั่งเศสและ อินเดียนั้นได้ออกมาประกาศเลื่อนการปิดประเทศและการปิดเมืองออกไปแล้ววันนี้

ทางประเทศ ออสเตรียเริ่มทยอยให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้นแล้ว

แต่ประเทศเหล่านี้ไม่ใช่ประเทศที่น่าจับตามองที่สุดครับ สหรัฐคือประเทศที่ทุกๆสายตาทั่วโลกกำลังจดจ้องในฐานะที่เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจกว่า 1/4 ของโลกและกำลังมีปัญหาผู้ติดเชื้อมากที่สุดเช่นกัน

สหรัฐจะเปิดประเทศในเดือนหน้าตามกำหนดไหม ?

ทางด้านประธานาธิบดีทรัมป์ยังให้ความเห็นว่าอยากจะกลับมาเปิดตามกำหนด แต่ก็รอเรียกประชุมหารือกับผู้นำธุรกิจต่างๆ + ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข + ผู้ว่าการรัฐต่างๆก่อน เพื่อที่จะได้ชั่งน้ำหนักระหว่างผลกระทบของ #การปิดประเทศต่อเศรษฐกิจ และผลกระทบของ #การเปิดประเทศต่อการระบาดของเชื้อ ว่าอย่างไหนมีผลกระทบโดยรวมที่แย่กว่ากันจะได้ตัดสินใจได้ถูก

โดยเมื่อคืนนี้ได้มี #ประเด็นดราม่า เกิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อ ทรัมป์ได้ออกมาทวีตว่าอำนาจในการพิจารณาการเปิดประเทศและธุรกิจให้กลับไปดำเนินตามปกตินั้นขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีและรัฐบาลกลาง (ตัวเขาเอง) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ว่าการรัฐต่างๆ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะเมื่อเกิดเหตุไวรัสระบาดและทรัมป์ยังไม่ออกคำสั่งป้องกันการระบาดต่างๆ ผู้ว่าการรัฐเหล่านี้กลับเป็นคนออกคำสั่งเองก่อนเพื่อช่วยลดผลกระทบของทุกวันนี้ลงมาได้

ตัวเลขการระบาดของสหรัฐนั้นดูดีขึ้นมากในคืนนี้การระบาดยังอยู่ต่ำกว่า 30,000 คนมาโดยตลอด และอัตราการทดสอบกำลังทำได้สูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งถือเป็นข่าวดี

เมื่อสอบถามความเห็นของบุคคล 2 คนที่ผมให้ความเคารพในมุมมองและข้อมูลของเขา

1️⃣ นาย Andrew Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้แถลงวันนี้ว่าเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องแล้วจริงๆ แต่ถ้าถามเขา เขาจะไม่อยากให้เปิดเมืองโดยเร็ว

2️⃣ ดร. แอนโทนี่ เฟาซี (Dr. Anthony Fauci) ผู้นำการวิจัยโรคติดเชื้อที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) บอกว่าเขาขอดูตัวเลขในสัปดาห์นี้ก่อน ถ้าทุกอย่างยังนิ่งอย่างที่ผ่านมาในอาทิตย์นี้ เขาอาจจะโหวตเห็นด้วยกับการให้ธุรกิจกลับมาดำเนินได้ตามปกติ แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังและเคร่งครัดอยู่

สรุปมุมองของเศรษฐกิจโลก

ทางเรายังเชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆเช่นเคยอย่างที่มองไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้วและกำลังจับตามองตัวเลขทั้งหมดอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีวัคซีนเร็วๆนี้และการกลับมาใช้ชีวิตนั้นจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็เชื่อว่าจุดที่แย่ที่สุดนั้นได้ถูกรับรู้ไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทราบถึงอนาคตได้ทุกเรื่องทุกมุม จึงแนะนำให้มาติดตามการวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดไปกับเราครับ หากเมื่อไหร่มีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงทุกท่านจะใดไม่พลาดข้อมูลที่สำคัญในตลาด แนะนำให้กด Like ที่โพสต์บ่อยๆหรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด

บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย