ที่กลายเป็นสภาวะทิ้งตัวของใครหลายๆคน
และ 1 ในภาวะที่เชื่อว่าทุกๆคนคงไม่อยากเป็นกัน
มาวันนี้ #แอดลุง
ขอมาแชร์มุมมองการบริหารหนี้
สำหรับคนที่เป็นหนี้กันไปแล้ว
ว่าทำอย่างไร จะได้ใช้หนี้อย่างคุ้มค่าและหมดให้ไวที่สุด
ในกรณีที่หนี้สิน "รุงรัง" ไปหมด
ก่อนอื่นเลยมี 4 สิ่งที่ต้องรู้้
1 ยอดหนี้มีเท่าไหร่
เพื่อที่จะได้เห็นเป้าหมายว่าการปลดหนี้ของเรานั้นใกล้ หรือไกลเพียงใด ซึ่งจะช่วยให้เรานั้นบริหารกระแสเงินสดได้ดียิ่งขึ้น
2.รายได้คงเหลือของเรา
เราควรเช็ครายได้รายเดือนของเรา ทั้งก่อน และหลังชำระสินเชื่อในแต่ละเดือนเพื่อนำมาวางแผนในการชำระให้ถูกต้อง
3ดอกเบี้ยคิดอย่างไร และเท่าไหร่
สิ่งสำคัญต่อมาก็คือ เราต้องรู้ให้ได้ว่า "หนี้" ที่เราติดอยู่นั้นมีวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบใด เช่น ชำระแบบลดต้นลดดอก หรือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งมีความสำคัญมาก จึงขอลงรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
โดยทั่วไปแล้วการคิดดอกเบี้ยนั้นมี 2 แบบข้างต้น
ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือ เมื่อเราชำระเงินเข้าไปจำนวนหนึ่ง เช่น 2,000 บาท เงินจำนวนนั้นจะถูกกันส่วนหนึ่งเพื่อไปชำระดอกเบี้ย และส่วนที่เหลือจะถูกนำไปชำระเงินต้น
แต่สิ่งที่ต่างคือภาระดอกเบี้ยที่ #เท่าเดิม หรือ #ลดลง ในการชำระ งวดถัดๆไป โดยในกรณีของแบบลดต้นลดดอกนั้น เมื่อชำระแล้วงวดถัดไปเราจะเสียดอกเบี้ยน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากคิดบนเงินต้นที่น้อยลง เช่น ติดหนี้ 10,000 บาท ดอกเบี้ย 2% (สมมติว่าต่องวด) จะทำให้ดอกเบี้ยเท่ากับ 200 บาท (10,000 x 2% = 200) ทำให้เหลือชำระเข้าเงินต้นที่ 1,800 บาท
ส่งผลให้ในงวดถัดมาดอกเบี้ย 2% ต่องวดดังกล่าวจะคิดจากเงินต้นเพียง 8,200 บาทเท่านั้น ทำให้เราเสียดอกเบี้ยในงวดถัดมาเพียง 164 บาท และ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะชำระเงินต้นทั้งหมด
ซึ่งหมายความว่า หากเรายิ่งชำระต่องวดมากเท่าไหร่ งวดถัดๆไปจะเสียดอกเบี้ยน้อยลงเท่านั้น และ ทำให้เราเสียดอกเบี้ยโดยรวมทั้งหมด น้อยลง
ในขณะที่หากเป็นการคิดดอกแบบอัตราคงที่
หากเราชำระเท่ากันที่ 2,000 บาท งวดต่อๆมาก็จะเสียดอกเบี้ย 200 เท่าเดิมอยู่ดี เนื่องจากคิดจากเงินต้นที่ 10,000 เสมอ
ส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นอันใดที่เราจะต้องชำระเกินเข้าไป
เพราะไม่ช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้แม้แต่บาทเดียว
ซ้ำยังทำให้เราเสียโอกาสที่จะนำไปลงทุน หรือชำระสินเชื่อตัวอื่นที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกด้วย
ซึ่งจะนำไปสู่ส่วนถัดมาคือ คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่
ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกถูกว่าควรชำระหนี้ก้อนไหนก่อน หากเป็นการคิดแบบลดต้นลดดอกเหมือนกัน
กล่าวง่ายๆคือ หากคิดดอกแบบลดต้นลดดอกเหมือนกันแล้ว
ก็แนะนำให้ชำระตัวแพงก่อน เพื่อประหยัดดอกเบี้ยที่จะต้องเสียทั้งสัญญาให้ได้มากที่สุด (แต่ก็มีข้อแม้อยู่เล็กน้อย ซึ่งจะกล่าวถึงด้านล่าง)
และข้อสุดท้าย
4.ผ่อนเท่าไหร่ และคิดอัตราผ่อนอย่างไร
การที่เรารู้ว่าผ่อนเท่าไหร่ จะช่วยให้เราคำนวณได้ถูก ว่ารายได้ที่เหลือนั้นพอชำระหรือไม่
แต่สำคัญกว่าก็คือ ผ่อนอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปแล้วสินเชื่อเงินก้อนทั้งหลายจะมีอัตราผ่อนแบบคงที่ กล่าวคือ กรณีกำหนดมาแล้วว่า 2,000 ต่อเดือน ก็จะต้องชำระ #อย่างน้อย 2,000 ต่อเดือนเสมอ ไม่ว่าเดือนก่อนหน้าจะผ่อนไปกี่แสนก็ตาม
กับอีกกรณีคือ อัตราผ่อนที่ลดตามเงินต้น
ซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นรูปแบบของบัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต(ต้องมิใช่กรณีทำผ่อนของตามโปรโมชั่น)
โดยทั่วไปบัตรกดเงินสดมักมีกำหนดอัตราผ่อนไว้ 3-5% ของเงินต้นคงเหลือ หรือขั้นต่ำ 500-1,000 บาท แล้วแต่อัตราไหนสูงกว่า กับบัตรเครดิตทีมักกำหนดให้ชำระขั้นต่ำ 10% ของเงินต้นหรือ 500-1,000 บาทแล้วแต่ตัวไหนสูงกว่าเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้การชำระสินเชื่อประเภทนี้เป็นจำนวนมากในเดือนนั้นๆ
จะทำให้อัตราผ่อนในเดือนหน้าของเราลดลง
เมื่อเราทราบทั้ง 4 ข้อแล้ว
ก็มาดูกันต่อว่า แล้วเราจะเลือกชำระอะไร ยังไงดี
อ่านบทความนี้ต่อได้ที่นี่
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ AKN Blog