เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในช่วงที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจในการเข้าทำกำไรกับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างรุนแรงอันเป็นผลจากเหตุการณ์การใช้โดรนโจมตีหลุมขุดเจาะน้ำมันในซาอุดิอาราเบียซึ่งเป็นภัยพิบัติใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ทำให้นักลงทุนทองคำถึงกับคลำทางไปต่อไม่เจอ
สุดท้ายแล้วเมื่อปิดตลาดทองคำแท่ง และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทองคำต่างก็เพิ่มขึ้นได้น้อยกว่า 1% ไปปิดที่ระดับเหนือ $1,500 ต่อออนซ์ได้เล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์ นั้นต่างก็ดีดขึ้นมาได้ราว 14%
ทองคำยังมีทิศทางไม่แน่นอนในช่วงใกล้การประชุมเฟด
ช่วงแรกของการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การซื้อขายทองคำเริ่มกลับมาเบาบางอีกครั้งเนื่องจากนักลงทุนยังลังเลว่าจะกำหนดราคาทองคำไปในทิศทางใดต่อไปอันเนื่องมาจากความกังวลในเรื่องผลที่จะตามมาจากการโจมตีซาอุดิอาราเบียดังกล่าว รวมทั้งผลการตัดสินใจในเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับนักลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ด้วย
การที่ทองคำยังไร้ทิศทางเช่นนี้ เกิดจากความไม่แน่นอนที่มีมากขึ้นในเรื่องของน้ำมัน นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อว่าแนวต้านสำหรับราคาน้ำมันในระยะกลางน่าจะขยับตัวสูงขึ้น ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนออกมาจากเจ้าหน้าที่ของฝั่งซาอุดิอาราเบียว่าการผลิตน้ำมันที่ได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้นจะกลับคืนสู่สภาพปกติได้อีกครั้งภายในเมื่อใด จึงเป็นได้ยากที่จะบอกได้ว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นต่อหรือจะปรับลดลงกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ ต่างก็ปรับลดลงมาจากระดับการซื้อขายเมื่อวันอังคารพอสมควร
“เสน่ห์” ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมเริ่มน้อยลงทุกที
หากยังไม่นำปัจจัยที่มีผลกระทบกับน้ำมันมาพิจารณา ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนี้เป็นต้นมาทองคำแสดงให้เห็นว่า “เสน่ห์ในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม” มีน้อยเหลือเกินเพราะราคาทองคำได้ปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงที่สุดในรอบหกปีและอาจจะขึ้นต่อไปจนเกินระดับ $1,600 ได้ด้วยซ้ำ ส่วนทองคำแท่งก็ปรับเพิ่มขึ้นได้ราว 17% เมื่อนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมนั่นเอง
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมเคยถามไว้ว่า หากว่าเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันที่ 18 กันยายนนี้จริง นักลงทุนทองคำยังหวังจะผลักดันให้ราคาทองไปให้ถึงดวงดาวหรือเพียงต้องการให้ไปถึงแค่ปลายยอดไม้?
หากจะใช้สถานการณ์ในสัปดาห์นี้เป็นตัวชี้วัดแล้วล่ะก็ คำตอบในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น “ปลายยอดไม้”
กราฟราคาสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า
เริ่มมีความชัดเจนแล้วว่าราคาทองคำน่าจะไปอยู่ที่ระดับเหนือกว่าหรือต่ำกว่า $1,500 เล็กน้อยในระหว่างที่กำลังรอฟังผลการตัดสินใจจากเฟด ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างก็คาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 จุดเบสิสเหมือนกับในเดือนกรกฎาคม
หากเฟดทำให้ผิดหวัง ทองคำอาจจะหล่นไปอยู่ต่ำกว่า $1,500 ภายหลังการประชุมเฟดได้
ในเวลานั้น เว้นเสียแต่ว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะแสดงตัวเลขการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีมากเพียงพอในการแถลงข่าวหลังการประชุม ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าทองคำน่าจะหล่นไปอยู่ที่ประมาณ $1,480 จากข้อมูลในรายงานของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ TD ของแคนาดากล่าวว่า
“การที่ตลาดคาดหวังว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมทั้งหมด 60 จุดเบสิสในสิ้นปีนี้จนถึงปีหน้า การแถลงรายงานตัวเลขการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญ” นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ TDกล่าวในรายงานด้วยว่า “สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้จากความผิดหวังในครั้งนี้อย่างหนึ่งก็คือ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวจะมาบรรจบกันเป็นแนวราบ”
นอกเหนือจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเฟดแล้ว นักลงทุนยังจะได้เห็นความคิดเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) หรือที่เรียกว่า “dot plot” ซึ่งจะเป็นการประเมินค่าอัตราดอกเบี้ยที่ควรจะเป็นของคณะกรรมการแต่ละคนด้วย
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการที่จะให้ค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยออกมาในทิศทางที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้นั้น คณะกรรมการส่วนใหญ๋ของเฟดจะต้องประเมินอัตราดอกเบี้ยที่ควรจะเป็นต่ำลงมากจริงๆ เท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากรรมการผู้มีสิทธิ์ออกเสียงของ FOMC ทั้ง 12 คนจะทำเช่นนั้นจริง
หากยังไม่มีตัวชี้วัดใดๆ ที่แสดงให้เห็นได้จาก dot plot ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก ตลาดก็คงจะต้องหันไปฟังการแถลงของนายพาวเวลล์แทนว่าเฟดจะมีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้นอีกในเร็วๆ นี้หรือไม่ ไม่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ จะพยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเพียงใด นายพาวเวลล์ก็ยังคงรักษาจุดยืนในการรักษาสมดุลความคาดหวังของตลาดไว้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ตนคิดว่าน่าจะเหมาะสมที่สุดอยู่ดี
แต่ทองคำอาจจะไปปิดท้ายปีในช่วง $1,600 ได้
สถานการณ์ “ปลายยอดไม้” ที่ผมได้พูดถึงสำหรับทองคำนั้นไม่ได้หมายความว่าผมจะมองว่าทองคำจะปรับตัวลดลงในช่วงต่อจากนี้แต่อย่างใด
ตรงกันข้าม ผมเชื่อว่าเรายังต้องการสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอยู่ และทองคำก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่เป็นใจกับฝ่ายใด รวมทั้งสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังคงหาข้อยุติไม่ได้เช่นนี้
ผมเชื่อว่าทองคำน่าจะไปปิดท้ายปีได้ที่ระดับ $1,600 หรือมากกว่านั้นหากเฟดยังคงมีท่าทีผ่อนคลายต่อไปเรื่อยๆ ในการประชุมเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม
แต่ถ้าโมเมนตัมดังกล่าวยังดำเนินต่อไปจนถึงปี 2020 ทองคำก็น่าจะดีดตัวขึ้นได้เหนือ $1,900 ซึ่งเป็นระดับที่เคยทำได้ในปี 2011 สำหรับราคาทองคำในปีนี้นั้นได้ปรับตัวขึ้นทำลายสถิติสูงสุดไปในทุกสกุลเงินแล้วยกเว้น ดอลลาร์สหรัฐ