ผ่านไตรมาสแรกของปี 2021 มีหุ้น IPO เข้าตลาดมาแล้ว 5 บริษัทด้วยกัน คือ
จักรไพศาล เอสเตท (BK:JAKm)
PTT (BK:PTT) Oil and Retail Business PCL (BK:OR)
ที คิว อาร์ (BK:TQRm)
โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล (BK:KISS)
และ PACO
ถ้าดูตามตารางหุ้น IPO ที่มีแผนจะเข้าตลาด ก็คาดกันว่าจะมีอีกหลายสิบบริษัทที่กำลังทยอยเข้าในปีนี้
โดยปกติแล้วเรามักจะได้ยินคำเตือนหรือข้อแนะนำของผู้เชี่ยวชาญว่า หุ้น IPO แบบไหนน่าลงทุน ควรมีสเป็คเป็นอย่างไร แผนการใช้เงินมีอะไรบ้าง แนวโน้มการเติบโตในอนาคตดีหรือไม่ งบการเงินแข็งแกร่งแค่ไหน แล้วจึงตัดสินใจเข้าลงทุนด้วย
แต่ถ้าเราไม่ได้อยากเข้าไปลงทุนกับกิจการแบบระยะยาว เราแค่อยากเข้าไปเก็งกำไรในระยะเวลาไม่นาน เราควรพิจารณาอะไรบ้าง วันนี้วิตามินหุ้นขอนำเสนอมุมมองที่ต่างกันออกไปว่า ถ้าแค่อยากเก็งกำไรหุ้น IPO มีทริคอะไรที่เป็นจุดสังเกตได้บ้าง
1. จำนวนหุ้นน้อยถึงน้อยมาก
เพราะการที่หุ้นจะขึ้นได้แรงต้องมีเม็ดเงินในการพาไป หุ้นที่มีโวลุ่มน้อย ราคาหุ้นไม่แพงจนเกินไป ราคาขึ้นแต่ละช่องจะขยับได้ง่าย แปลว่า ถ้าหุ้น IPO ที่เสนอขายไม่กี่สิบล้านหุ้น หรือหลักร้อยล้านหุ้นต้นๆ และขายในราคาหลักหน่วย หรือไม่กี่สิบบาท ยิ่งขายให้กับคนในวงจำกัด ลูกค้าหลักของโบรกเกอร์ ผู้มีอุปการคุณทั้งหลายยิ่งดี
แปลว่าคนได้หุ้นมีจำกัด และยิ่งรายย่อยไม่ได้หุ้นเลย โอกาสในการที่หุ้นจะขึ้นไปได้แรงในวันแรกมีโอกาสสูงมาก อย่างที่เราเห็นกัน หุ้นบางตัว +100% +200% ก็มี แต่เช่นกันก็ไม่ได้การันตีว่า หุ้นตัวนั้นจะขึ้นต่อไปได้หลายวัน บางตัวเล่นกันวันเดียว หรืออาทิตย์เดียวแล้วเลิกก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
2. มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลก่อนเข้าตลาด
ปันผลให้ตัวเองจนหมด กำไรเท่าไหร่เอาออกให้หมดก่อน บางกรณีกู้เงินมาปันผลก็มี แล้วค่อยไป IPO เอาเงินมาจ่ายคืนธนาคาร หรือเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาพาร์ แล้วมาตีราคา IPO สูงๆ คือ พฤติกรรมหลายอย่างฟ้องว่า ไม่น่ารัก หรือออกจะเอาเปรียบนิดๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าตลาด แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีเสมอไป เพราะอาจจะเป็นการบอกเราก็ได้ว่า หุ้นแบบนี้น่าจะแรง เพราะก่อนเข้าตลาดยังขนาดนี้ พอเข้าตลาดแล้วจะขนาดไหน ก็น่าจะต้องเล่นกันต่อให้สุดหรือเปล่า
3. มีสตอรี่ที่ใครๆ ก็อยากได้ยิน
อะไรที่อยู่ในกระแส เช่น กัญชง EV Car วัคซีน ถ้าทำได้ บริษัทจะบอกว่า มีแนวคิดที่จะทำ มีโอกาสทำได้ กำลังศึกษาอยู่ เป็นธุรกิจที่น่าสนใจและบริษัทก็กำลังพิจารณาอยู่ สตอรี่แบบนี้ก็จะทำให้บริษัทที่จะเข้าตลาดมีความน่าสนใจมากขึ้น ต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ ก็จะเป็นแต้มต่อให้เก็งกำไรมากขึ้นตามลำดับ
4. ผู้บริหารมีประวัติเกี่ยวกับหุ้นที่ราคาขึ้นลงแรง
ไม่ได้บอกว่า ผู้บริหารไม่ดี หรือจะปั่นหุ้น แต่ถ้าในอดีต เราเคยเห็นชื่อผู้บริหารซื้อขายหุ้น หรือมีความเกี่ยวข้องกับหุ้นที่ขึ้นลงรุนแรง ทั้งๆ ที่พื้นฐานธรรมดาหรือบางตัวงบไม่ดีก็มี ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า หุ้นตัวต่อไปที่ผู้บริหารท่านนี้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็อาจจะแรงเก็งกำไรตามมา
5. กำไรปีนี้โตระเบิด ส่วนปีหน้าว่ากันอีกที
งบดี กำไรเติบโตมาตลอด ยิ่งปีล่าสุดโตระเบิด 50-100% เรียกได้ว่า ไม่รู้ปีหน้าจะโตได้แบบนี้อีกหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่า ใครเห็นก็ต้องทึ่ง และชื่นชมในความสามารถว่าบริหารงานได้ดีเยี่ยม แม้บางธุรกิจจะอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นแค่เหตุการณ์พิเศษที่ช่วยให้โตเยอะปีเดียวหรือเปล่า หรือว่าเก่งจริงกันแน่
แต่ถ้าหุ้นมาได้เวลาประจวบเหมาะพอดีแบบนี้ ส่วนมากตลาดมักจะมองดีไว้ก่อนจากผลงานที่เห็นอยู่ตรงหน้า ราคาหุ้นมักตอบสนองในทางบวกไว้ก่อน แล้วเดี่ยวพอประกาศงบไตรมาสหน้า ถ้างบไม่ดีเดี๋ยวราคาจะลงเอง และส่วนมากราคามักจะลงมาก่อนล่วงหน้า เหมือนมีคนเห็นงบก่อนยังไงยังงั้น
สุดท้ายนี้ ผมอยากย้ำเตือนทุกคนกันแบบนี้ว่า ถ้าเราเลือกที่จะเก็งกำไร เราก็ต้องรู้ตัวว่า กำลังเล่นกับไฟอยู่ วิธีการคิด แผนการเทรด ก็คือ การเก็งกำไร จะเข้าจะออกอย่างไรต้องให้แม่น จะล็อคกำไรถ้าถูกทาง หรือจะคัทลอสถ้าผิดทาง ต้องท่องไว้ให้เป๊ะ ต้องท่องไว้ว่า วันนี้เรามาเก็งกำไร ไม่ได้มาลงทุน หลักการมันจะต่างกัน
อย่าเริ่มต้นด้วยการเก็งกำไร แต่ไม่ขายจนขาดทุน แล้วต้องทนถือเพื่อลงทุนระยะยาวจนปวดใจ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น