หากต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่รองรับชีวิตวัยเกษียณ คำถามสำคัญก็คือ “จะมีหุ้นตัวไหนที่เป็นหุ้นเติบโตและมีความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางความผันผวนของวิกฤตเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กันได้?” การมาของโควิดทำให้นักลงทุนยุคใหม่ไม่สามารถประเมินหุ้นได้จากความสามารถเพียงด้านใดด้านหนึ่งได้อีกต่อไป
แนวคิดเช่นนี้เกิดขึ้นหลังจากนักลงทุนในตำนานนายวอร์เรน บัฟเฟต์ เจ้าของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮททาเวย์ (NYSE:BRKa) ได้บัญญัติคำศัพท์ที่เขาเรียกว่า “economic moat” ขึ้นมา คำนี้มีความหมายว่าการคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขันในตลาด เมื่อคิดจะสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีหุ้นประเภทนี้เป็นตัวสร้างกำไรและปกป้องคุณ เราจึงได้ลิสต์หุ้นสองตัวที่มีคุณสมบัตินี้มาให้คุณผู้อ่านได้พิจารณา
1. Nike
ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจแข็งแรงและผู้บริโภคมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือย นั่นคือช่วงเวลาที่หุ้นขายสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคจะได้เวลาเฉิดฉาย ตอนนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกาไม่ใช่เรื่องที่เป็นนามธรรมอีกต่อไป ผู้บริโภคที่เก็บเงินมานานรอวันที่จะสามารถออกไปใช้จ่ายได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้งกำลังจะได้ใช้เงินของพวกเขา ในช่วงเวลาเช่นนี้เราอยากจะขอแนะนำหุ้นไนกี้ (NYSE:NKE)
ความแข็งแกร่งของแบรนด์ไนกี้ทำให้สภาพโดยรวมของบริษัทไม่ได้ตกต่ำถึงขั้นย่ำแย่ หุ้นของไนกี้มีการปรับตัวลดลงไปสร้างจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมก็จริง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการฟื้นตัวกลับมา ส่วนยอดขายนั้นไนกี้มีกำไรจากร้านตัวแทนจำหน่ายลดลง แต่ก็ยังสามารถถูไถเอาตัวรอดไปได้จากการขายสินค้าออนไลน์ ความแข็งแกร่งของแบรนด์คือส่วนสำคัญที่ดึงนักลงทุนระยะยาวให้ยังอยู่ต่อกับบริษัท
อย่างที่ได้พูดไปแล้วว่าไนกี้ได้มีการอัปเกรด e-commerce ของตัวเอง และในปี 2020 การขายสินค้าแบบออนไลน์คือผู้ช่วยคนสำคัญที่พาบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤต ในไตรมาสที่แล้ว ยอดขายของไนกี้จากออนไลน์เพิ่มขึ้น 59% ไนกี้ยังบอกอีกด้วยว่ายอดขายออนไลน์ไม่ได้เติบโตแค่เฉพาะในอเมริกา แต่เป็นทั่วโลก
แมท เฟรนด์ CFO ของบริษัทแถลงถึงสถานการณ์ของบริษัทว่า
“ต่อให้วิกฤตโควิดจะจบลงแล้ว แต่นับจากนี้ต่อไป ไนกี้จะมีกำไรเพิ่มขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการขายสินค้าออนไลน์”
โดยปกติแล้วนักลงทุนที่ถือหุ้นไนกี้จะพึ่งพากำไรมาจากการจ่ายเงินปันผลที่แปรเปลี่ยนไปตามสภาพของการเป็นหุ้นกลุ่มวัฐจักร ปัจจุบันไนกี้สามารถจ่ายเงินปันผลแบบไตรมาสต่อไตรมาสได้ $0.275 ต่อหุ้น คิดเป็นการปันผลรายปี 1%
แน่นอนว่าหากเทียบเฉพาะเปอร์เซ็นต์การปันผลรายปี หุ้นไนกี้นั้นยังไม่สามารถเทียบเคียงกับหุ้นของบริษัทชื่อดังอื่นๆ ได้ แต่คุณสมบัติหนึ่งที่หุ้นสำหรับพอร์ตวัยเกษียณควรมีคือความสามารถในการจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอตลอดทุกไตรมาสและสามารถเพิ่มเงินปันผลนั้นขึ้นได้อีกด้วย
หากวัดเฉพาะด้านความสม่ำเสมอ เราขอรับประกันเลยว่าไนกี้คือหุ้นอันดับต้นๆ ตลอดสิบเก้าปีล่าสุดพวกเขาไม่เคยที่จะงดการปันผลคืนแก่นักลงทุนเลยสักครั้ง ซึ่งรวมถึงวิกฤตโควิดที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ด้วย อันที่จริงแล้วการที่ไนกี้ยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในในช่วงการแพร่ระบาดก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันที่เพียงพอแล้วว่าหุ้นไนกี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับวัยเกษียณมากเพียงใด
2. Apple
เพียงแค่พูดชื่อของบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เราก็คงไม่ต้องแนะนำตัวกันมาก รู้หรือไม่ว่านอกจากแอปเปิลจะเป็นบริษัทผู้ผลิตมือถือ iPhone แล้ว แอปเปิลยังเป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดอยู่ในมือมากที่สุดในโลกอีกด้วย ($204,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) นั่นจึงทำให้เราประเมินว่าหุ้นแอปเปิลถือเป็นตัวเลือกสำหรับพอร์ตวัยเกษียณยุคใหม่ที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง ถึงแม้ว่าปัจจุบันแอปเปิลจะมีเปอร์เซ็นต์ปันผลเหลือเพียง 0.70% ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่แอปเปิลก็เป็นบริษัทที่มักจะชอบซื้อหุ้นที่ขายไปกลับคืนมาอยู่ตลอด
กลยุทธ์การซื้อหุ้นคืนถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับนักลงทุนระยะยาว เพราะนั่นหมายความว่านักลงทุนจะได้โอกาสซื้อหุ้นเพิ่มในราคาที่ถูกลง ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วแอปเปิลพึ่งประกาศว่าจะซื้อหุ้นคืนอีกครั้งภายใต้วงเงิน $90,000 ล้านเหรียญสหรัฐและจะปรับเปอร์เซ็นต์การปันผลขึ้นอีก 7%
CFO ของบริษัทกล่าวถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในการคอนเฟอเรนซ์ครั้งล่าสุดว่า
“การซื้อหุ้นคืนในไตรมาสล่าสุดทำให้บริษัทได้กระแสเงินสดกลับมา $24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเราได้มอบเงินคืนให้กับผู้ถือหุ้น $23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แอปเปิลยังคงเชื่อมั่นในเส้นทางที่บริษัทเลือกเดินและขอให้เชื่อเถอะว่าการลงทุนของบริษัทจะคุ้มค่าสำหรับการลงทุนระยะยาวแน่นอน”
ในปีบัญชี 2020 นั้นแอปเปิลสามารถปันผลกำไรต่อหุ้นได้ $3.28 ด้วยกระแสเงินสดจำนวนมหาศาล ทำให้แอปเปิลสามารถปันผลรายปีได้ $0.88 คิดเป็น 27% ของกำไรทั้งหมดที่บริษัทได้รับ ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าแอปเปิลยังสามารถปรับเพิ่มความสามารถในการปันผลได้อีกในอนาคต