คาด SET Index เคลื่อนไหวกรอบ 1200 – 1270 ประเมินปัจจัยกระทบการลงทุนสัปดาห์นี้ได้แก่
สถานการณ์ Lock Down ทั้งไทยและสหรัฐ สำหรับประเทศไทยตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ส่งสัญญาณดีขึ้นและมีโอกาสสูงที่จะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 790 ราย (ทั้งหมด 2765 - หายแล้ว 1928 – เสียชีวิต 47) ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันต่ำกว่า 3 หลัก ติดต่อกัน 11 วันแล้วคาดว่าในสัปดาห์นี้รัฐบาลจะเริ่มมีการพูดคุยถึงการผ่อนคลายบางอย่างเราเชื่อว่าจะมีการเปิดศูนย์การค้า (บางโซน) ร้านขายอุปกรณ์ IT วัสดุก่อสร้าง รวมถึงอาจให้พนักงานประจำกลับมาทำงานออฟฟิส ซึ่งจะเป็นบวกต่อ (BTS BEM CPN COM7 DOHOME HMPRO GLOBAL PLANB PTG VGI) อย่างไรก็ตามชุดหุ้นข้างต้นต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับนึง (ไม่ต่ำกว่า 20% จากจุดต่ำสุด) เชื่อว่า สะท้อนปัจจัยข้างต้นระดับนึงแล้ว ดังนั้นแนะจังหวะย่อตัวค่อยเข้าพิจารณา สำหรับสหรัฐประชาชนในสหรัฐเริ่มออกมาประท้วงต่อต้านการ Lock Down ประกอบกับโดนัล ทรัมป์ ได้ออกมาเผยว่าให้อำนาจแต่ละรัฐในการตัดสินใจเปิดเมืองอีกครั้ง เบื้องต้นสหรัฐมีกำหนดจะกลับมา เปิดในช่วงต้น พ.ค. แม้การกลับมาเปิดเมืองจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจและ ตลาดหุ้นรวมถึง TU แต่ในแง่ความพร้อมของสหรัฐยังดูน่ากังวล เนื่องจากจ านวนผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นระดับการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 หมื่น คน / วัน ดังนั้นอาจมีความเสี่ยงต่อการระบาดรอบสองซึ่งจะกลับมา กดดันการลงทุนในระยะกลาง
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q20 คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์จะ รายงานครบในสัปดาห์นี้อิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ประเมิน จะมีกำไรสุทธิรวมกันที่ 3.1 หมื่นล้านบาท (-19%YoY -6%QoQ) ทั้งนี้ แม้ราคากลุ่มจะลงมา 35% YTD ส่งผลให้ซื้อขายเพียง 0.55x TrailingPBV ต่ำสุดในประวัติการณ์ อย่างไรก็ตามมองว่าไม่น่าสนใจ เท่าใดเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันยังอ่อนแอ กดดันการเติบโตของ สินเชื่อ และอาจนำมาซึ่งหนี้เสียทำให้ต้องมีการตั้งสำรองกดดันผล ประกอบการ ทั้งนี้ Bloomberg คาดว่ากำไรทั้งกลุ่มปีนี้จะติดลบ 21%YoY
ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดย จะเป็นการกู้เพื่อนำมาเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 เท่านั้นแบ่งออกเป็นช่วยเหลือเยียวยา 5.5 แสนล้านบาท และฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทให้การแพทย์อีก 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งประเมินเป็นจิตวิทยาบวกหนุนการลงทุน
Weekly Strategy: เรามีมุมมองต่อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการ ผ่อนคลายมาตรการ Lock Down (BTS BEM CPN COM7 DOHOME HMPRO GLOBAL PLANB PTG VGI) ส่วนการผ่อนคลาย Lock Down ของสหรัฐประเมิน TU เป็นผู้ได้ประโยชน์ แต่แนะ จังหวะย่อตัวค่อยพิจารณาเนื่องจากก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาแรง
Stock Pick
PTG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วย คำแนะนำ “ซื้อ” มองว่าธุรกิจค้าปลีกน้ำมันภายใต้ปั้ม PTG มีโอกาส เติบโตต่อเนื่องหนุนจากการขยายปั้มเพิ่มอีก 470 สาขาภายใน 3 ปี ข้างหน้าทำให้เราประเมินว่าปริมาณการขายจะเติบโตได้เฉลี่ย 12% ต่อปี ขณะเดียวกันการที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลงจะเป็นประโยชน์กับบริษัทเนื่องจากต้นทุนขายลงเร็วกว่าราคาขาย ส่วนการ Lock Down หากมีการผ่อนคลายคาดว่าจะหนุนให้อุปสงค์กลับเข้าสู่ระดับปกติได้ แต่อย่างไรก็ตามแม้ 1Q20 จะมี COVID-19 แต่คาดว่าปริมาณขายใน 1Q20 ยังเติบโตได้ 10%YoY หนุนจากการขยายสาขา
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16 บาท) หากสหรัฐทำการ Unlock Down จริงบริษัทจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการที่มีรายได้ในสหรัฐราว 40% ของรายได้รวม กอปรกับก่อนหน้านี้บริษัทเป็นผู้ได้รับผลกระทบ จาก Lock Down ในสหรัฐที่เกิดขึ้นเนื่องจากร้านอาหารต่างๆมีการ ยกเลิก สั่งอาหารแช่แข็งจากทางบริษัท รวมถึงการปิดตัวชั่วคราวของ ธุรกิจ Red Lobster
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th