สรุป ราคาทองคําวานนี้ ปิดปรับตัวลง 18.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และถือเป็นการปรับตัวลง 5 วันทําการติดต่อกัน โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด หลังยอดค้าปลีกดีดขึ้นแข็งแกร่ง 5.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่ชาวอเมริกันได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมากระเตื้องขึ้นหลังจากที่หยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดเมื่อช่วงปลายปี ที่ผ่านมา ขณะที่ PPI เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือน ม.ค. มากสุดในรอบกว่า 11 ปี นอกจากนี้ อัตราการใช้กําลังการผลิตและการผลิตภาคอุตสาหกรรมออกมาแข็งแกร่งเกินคาดเช่นกัน จึงหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นในขณะเดียวกัน หนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) สําหรับทางด้านบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปี ยังคงแกว่งตัวไม่ไกลจาก ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคําเนื่องจากไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย
สําหรับวันนี้ จีนจะกลับมาเปิดซื้อขายตามปกติหลังก่อนหน้านี้ หยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน อาจหนุนแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง แต่ยังแนะนําให้จับตาความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ บอนด์ยีลด์ และตลาดหุ้นประกอบการลงทุนทองคําเป็นสําคัญ สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ การอนุญาตก่อสร้างและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน
ความแข็งแกร่งของราคาทองคําและแรงซื้อน้อย ยังคงมีแรงขายทองคําเพื่อทํากําไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น ทําให้การลงทุนอาจต้องเป็นไปในลักษณะรอจังหวะการอ่อนตัวลงของราคาค่อยเข้าซื้อบริเวณโซน 1,769-1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ระดับตํ่าสุดเดือน พ.ย. 2020 และ ก.พ. 2021) หากยืนไม่ได้ให้ชะลอการเข้าซื้อออกไป
คําแนะนํา หากยังไม่สามารถผ่าน 1,795-1,803 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ไปได้ อาจใช้วิธีการลดพอร์ ตการลงทุน และ สําหรับนักลงทุนที่เก็งกําไรฝั่งซื้อควรเน้นการลงทุนระยะ สั้นและต้องตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้าให้ชัดเจน
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International