ในขณะที่ตลาดยังคงเชื่อว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับบริษัทหัวเหว่ยเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาพันธบัตรสูงขึ้น การทยอยนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ บ้างอย่างเช่น เยน, ฟรังก์สวิส และ ทองคำ ก็น่าจะช่วยคลายความกังวลดังกล่าวลงได้บ้าง
ปัจจัยที่น่าจะเป็นแรงผลักดันหลักน่าจะมาจาก แถลงการณ์ ของนายโทมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางริชมอนด์ว่า แม้เขาจะอยากคงอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้เอาไว้ แต่ก็ยังกังวลว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงมีความเปราะบาง นักลงทุนต่างเชื่อว่านั่นคือสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทำความต้องการถือครองพันธบัตรเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า
สังเกตได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อวานนี้ที่ปรับตัวลงลงจาก 3.4 จุดเบสิส (basis point) ไปอยู่ที่ 2.357 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2017 เป็นต้นมา ผู้ถือครองพันธบัตรในช่วงก่อนหน้านี้ยังคงพอใจกับอัตรา 3.4 จุดเบสิสที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งหากผลตอบแทนยังลดลงต่อไปอีก นักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรไว้ก็ยังคงทำกำไรได้
สัญญาซื้อขายพันธบัตรสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีของ iPath (NASDAQ:DTYS) ถูกออกแบบมาให้นักลงทุนสามารถทำกำไรกับสัญญาซื้อขายพันธบัตรสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีของ Barclays ในช่วงที่ดัชนีเป็นขาลงได้
กราฟการซื้อขายแลกเปลี่ยนพันธบัตรได้ทำรูปแบบ H&S ต่อเนื่องในวันจันทร์เมื่อปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า neckline ซึ่งเชื่อมกับราคาต่ำสุดในระยะของวันที่ 3 เมษายนเป็นต้นมา MACD ตกลงมาอยู่ต่ำกว่าเส้นศูนย์ รวมทั้งเส้น MA สีน้ำเงินของการทำ short อยู่ต่ำกว่าเส้น MA สีแดงซึ่งเป็นการ long เช่นเดียวกันกับ RSI ที่ได้ทำรูปแบบ H&S ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อพิจารณาจากโมเมนตัมแล้ว ราคาน่าจะมีการทะลุกรอบไปได้อีก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระวังการเกิด hammer ที่ค่อนข้างรุนแรงจากราคาต่ำสุดในวันที่ 27 มีนาคม
ความรุนแรงนี้น่าจะมาจากการไม่มี upper shadow ซึ่งการเกิด lower shadow ที่ยาวตามมานั้นเป็นตัวบ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะลดลงไปอีกมากเพียงใด แต่หากฟื้นกลับมายังจุดเดิมได้ก็ยังพอมีหวังที่จะเห็นตลาดขาขึ้น ทำให้แนวรับอยู่เหนือระดับ $16.05 และภายในวันเดียวกันก็สามารถทำ inverted hammer กลับมาเป็นขาขึ้นได้สำเร็จ
การกลับตัวขึ้นมาได้นั้นสอดคล้องกับรูปแบบ H&S ที่มักจะมีการเคลื่อนไหว a b ย้อนกลับ เนื่องจากนักลงทุนมีการทดสอบจุดกลับตัวของแนวโน้มอีกครั้ง ดังนั้นนักลงทุนที่อดทนถือพันธบัตรมานานก็น่าจะทำ short ได้อย่างที่ตั้งใจไว้
กลยุทธ์การซื้อขาย
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ควรรอให้มีราคาลงไปทำจุดต่ำสุดตัวใหม่ที่ต่ำกว่า $16.05 ของวันที่ 3 มีนาคมและควรรอให้มีการดึงกลับอย่างเต็มที่ก่อน โดยดูจาก neckline ที่แสดงแนวต้านด้วยแท่งเทียนสีแดงยาวอย่างน้อย 1 แท่งที่ยาวกว่าแท่งสีเขียวหรือแท่งเล็กๆ สีใดก็ได้
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจต้องรอให้เกิดการเคลื่อนไหวสวนทางเพื่อรอจังหวะเข้าที่เหมาะสมกว่านี้ และไม่จำเป็นต้องรอให้รูปแบบสมบูรณ์ก่อนก็ได้
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง หากพิจารณาทุนและกลยุทธ์ว่าเหมาะสมแล้วก็อาจเข้าทำ short ได้ทันที
ตัวอย่างการซื้อขาย
- ราคาเข้า: $17.00
- Stop-Loss: $17.50
- ความเสี่ยง: $0.50
- เป้าหมาย: $15.50
- ผลตอบแทน: $1.50
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3