Bitcoin (BTC) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากที่ดิ่งฮวบลงไปตั้งแต่ปลายปี 2017 จนถึงปีที่ผ่านมา จากที่มีการซื้อขายกันอยู่ต่ำกว่า $4,000 ต่อเหรียญเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน Bitcoin ได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือ $8,000 ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ ดึงตลาดสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ อย่าง Ethereum, XRP, Bitcoin Cash, EOS และ Litecoin ให้สูงตามขึ้นไปด้วย
นักลงทุนที่คุ้นเคยกับมูลค่าของสกุลเงินดิจิตอลที่มีความผันผวนรุนแรงนี้น่าจะทราบดีกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงไม่นาน จึงควรพิจารณาปัจจัยซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรอบคอบ
สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับราคาที่ปรับขึ้นครั้งนี้หรือไม่
มีการคาดเดาว่าการเจรจาทางการค้าที่รุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหันไปหา Bitcoin มากขึ้นเนื่องจากเป็นการเลี่ยงความเสี่ยงจากการถือหุ้น ประกอบกับราคาหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้มีการปรับตัวลดลง จึงทำให้เกิดแรงหนุนมายัง Bitcoin มากขึ้น
นายลาร์ส เซียเออร์ คริสเตนเซน อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคาร Saxo และผู้ก่อตั้งของ Concordium ที่ประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Bitcoin กล่าวว่า
“ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กับราคา Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นน่าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน เพราะเห็นได้ชัดว่ามีนักลงทุนของจีนจำนวนหนึ่งที่หันไปหา Bitcoin ในช่วงที่กำลังกังวลกับปัญหาเรื่องการค้าระหว่างสองประเทศนี้”
เขายังชี้ว่ามูลค่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลรวมในขณะนี้เริ่มเข้าใกล้ 60% ของราคาสูงที่สุดในช่วงปลายปี 2017 แต่ในระยะยาวคริสเตนเซนยังคงไม่แน่ใจว่า Bitcoin จะเป็นไปในทิศทางใด
“ราคาที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้น่าจะเกิดจากปฏิกิริยาของนักลงทุนเพียงชั่วคราวที่หันไปหา Bitcoin มากกว่าสกุลอื่นๆ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะไปต่อได้มากแค่ไหน แต่ก็หวังว่าจะเห็นราคาใหม่ที่สูงกว่าเดิมในเร็วๆ นี้ แต่ในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ สกุลเงินดิจิตอลจะมาแรงอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นความหวังเดียวที่เราจะเห็นได้จากตลาดทั้งหมดในตอนนี้”
คริสเตนเซนเสริมว่าเขาไม่ได้คิดว่าสกุลเงินดิจิตอลจะน่าขายเท่ากับ ‘ทอง 2.0’ เนื่องจาก Bitcoin ไม่ได้มีข้อดีอะไรมากไปกว่าการที่มันมักจะขยับตัวก่อนคนอื่น ซึ่งก็ไม่ได้ยั่งยืนอะไร
มีความเป็นไปได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
อเล็กซ์ แมชินสกี ประธานกรรมการบริหารของ Celsius Network มีความเห็นที่แตกต่างออกไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีความเป็นไปได้ว่า Bitcoin จะเป็นได้ทั้งขาขึ้นและขาลงเหมือนเดิมอีกครั้ง เขาอ้างถึงเหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ทำให้สูญเสียสัญญา Short มูลค่า 500 ล้านเหรียญในสกุลเงินดิจิตอลได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงตามที่เป็นข่าว
ตั้งแต่นั้นมาหลายคนก็พยายามเข้าทำ Short ในราคาที่สูงถึง $7,400 โดยเชื่อว่าเป็นเพียงการปรับตัวขึ้นเพียงชั่วคราวก่อนที่จะดิ่งลงไปหาศูนย์”
แมชินสกีกล่าวว่า สิ่งที่สังเกตเห็นในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ‘การปรับขึ้นพร้อมกันทั่วโลก’ ซึ่งบ่งบอกว่ามีเงินทุนจำนวนมากจากทั่วโลกที่นำมาเติมสู่ระบบเนื่องจากเกิดความกลัวที่จะเสียโอกาส (FOMO) นั่นเอง
ปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นคือผู้เล่นขนาดใหญ่กำลังเข้าถึอครองสินทรัพย์ นายอเล็กซ์ เฟรงเคล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Kin กล่าวว่า การร่วมทุนของกลุ่มธุรกิจใหญ่ อย่าง Andreessen-Horowitz และยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง IBM (NYSE:IBM) และ Facebook (NASDAQ:FB) ที่เริ่มลงทุนอย่างต่อเนื่องในสกุลเงินดิจิตอลถือเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังราคาที่พุ่งขึ้นสูงในครั้งนี้
“เมื่อพิจารณาจากปัจจัยที่กล่าวมา การที่จะเกิดแนวโน้มขาขึ้นย่อมเป็นไปได้สูง เราเชื่อว่าในอนาคตจะมีการควบรวมโทเค็นหลายตัวเข้าด้วยกัน รวมทั้งโทเค็นบางตัวก็อาจจะไม่มีอีกต่อไปจนในที่สุดเราจะได้เห็นเฉพาะตัวใหญ่ๆ ที่สำคัญจริงๆ แค่ไม่กี่ตัว”
วาฬกำลังออกมาเล่นจริงหรือ
นายเพียร์ วิมเมอร์ อดีตนายธนาคารของ Goldman Sachs และผู้ก่อตั้งบริษัท Wimmer Financial LLP ณ กรุงลอนดอนได้ออกมาเตือนใน kitco.com ว่า
“ตลาดเงินดิจิตอลถูกควบคุมโดยวาฬใหญ่และบริษัทเอกชนประมาณ 10 รายซึ่งถือครองปริมาณในตลาดจำนวนมาก ดังนั้นหากเลือกสกุลตัวที่ดีที่สุด 10 หรือ 50 ตัวแรกก็ถือว่ามีปริมาณมากเพียงพอแล้ว เพราะการควบคุมทิศทางตลาดทำได้ง่ายเหลือเกิน”
คำว่า "วาฬ" หมายถึงผู้ที่ถือครองสกุลเงินดิจิตอลในปริมาณมาก แต่กระนั้นวิมเมอร์ก็ไม่เห็นด้วยกับข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดว่าผู้เล่นซึ่งเป็นสถาบันขนาดใหญ่กำลังเข้ามาสู่สนามเพื่อผลักให้ค่าโทเค็นสูงขึ้น เขาชี้ว่าอาชญากรรมทางด้านเงินดิจิตอลและการแลกเปลี่ยนที่ไม่ถูกกฎหมายที่มากขึ้นทำให้นักลงทุนสถาบันยังไม่น่าจะตัดสินใจลงทุน
ไม่ว่าปัจจัยใดข้างต้นจะเป็นตัวเร่งให้ราคาพุ่งสูงขึ้นก็ตาม พึงตระหนักว่า Bitcoin และคนที่อยู่ในเครือข่ายสามารถทำให้เกิดความผันผวนสูงได้ทั้งสองทิศทาง