หรือยุครุ่งเรืองของดอลลาร์จะได้ผ่านพ้นไปแล้ว ?

โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ บริษัท BK Asset Management.

นักลงทุนต่างพากันขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ล่วงหน้าก่อนการประชุมเฟด (FOMC) ในวันพุธ ข่าวนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับผู้อ่านหากจะกล่าวว่าเงินดอลลาร์ได้ผ่านพ้นยุครุ่งเรืองไปเสียแล้ว เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวและสองตัวแปรที่สำคัญที่สุดของเฟดอันได้แก่ (ยอดค้าปลีก และ CPI) ต่างก็ถดถอยลงอีกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

แม้ว่านักลงทุนตลาดหุ้นจะดีใจที่การปิดตัวหน่วยงานรัฐบาลถูกเลื่อนกำหนดออกไป แต่การเจรจาข้อตกลงที่กรุงวอชิงตันกลับไม่ส่งผลชัดเจนต่อเงินดอลลาร์เลย อีกทั้งยังไม่มีใครคาดหวังว่าการประชุมเฟดในวันพุธจะช่วยกอบกู้เงินดอลลาร์เพราะว่าการประชุมเฟดครั้งล่าสุด ที่ประชุมได้อภิปรายอย่างชัดเจนว่าจะยังไม่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เร็ว ๆ นี้แน่

เฟดได้กล่าวถึงการคงความอดทนมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์แล้ว แต่ในที่สุดก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้วโดยการถอนอัตราอ้างอิงสำหรับการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจากแถลงการณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลาง ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธนาคารกลางที่เพิ่งเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากแถลงการณ์ FOMC

เฟดเชื่อว่าหากพิจารณาจากเศรษฐกิจโลกและการพัฒนาการทางเงิน รวมถึงภาวะไร้แรงกดดันจากเงินเฟ้อแล้ว เฟดจะยังคงอดทนรอและจะพิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมในอนาคต นอกจากนี้เฟดยังถอดถอนการประเมินสมดุลความเสี่ยงออกจากแถลงการณ์อีกด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ EUR/USD ทะยานขึ้นสู่ระดับ 1.15 ในขณะที่ USD/JPY ดิ่งลงต่ำกว่า 109 เราคงไม่อาจคาดหวังใด ๆ จากระดับค่าเงินเหล่านี้ในวันพุธ แต่ค่าเงินดอลลาร์น่าจะดิ่งลงอีกเนื่องจากการประชุมเฟดได้ย้ำเตือนว่าจะไม่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตอันใกล้

ค่าเงินที่มีผลงานที่ดีที่สุดในวันอังคารคือ ปอนด์สเตอร์ลิง ซึ่งดีดตัวขึ้นมากกว่า1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ล่วงหน้าก่อนการประชุมระหว่างนายกฯ เมย์และประธานฯ ยุงเคอร์ในวันพุธ ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงท่ามกลางวิกฤติ Brexit แข็งตัวขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อมาตลอด และในวันอังคารที่ผ่านมานี้ก็ไม่ต่างกัน แม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปยังยืนยันว่าจะไม่รับพิจารณาการจำกัดระยะเวลาสำหรับนโยบาย Backstop แต่นักลงทุนก็ยังมีความหวังว่าจะเกิดการสร้างข้อตกลงหรือมีการยื่นขอยืดเวลาก่อนเส้นตายในวันที่ 29 มีนาคม

ยุงเคอร์หวังให้การเจรจาเป็นไปด้วยความเป็นมิตร แต่ EU ได้ยืนกรานในการปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงถอดถอนมาตลอด และการคาดหวังให้เขาเปลี่ยนการตัดสินใจคงเป็นเพียงแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น กลยุทธ์ของ EU นับตั้งแต่วันแรกคือการถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดและบังคับให้รัฐบาลจำต้องยอมรับข้อตกลงปัจจุบันหรือไม่ก็เปิดการลงประชามติครั้งที่สอง

ข้อมูลมาร์จินการซื้อขายเงินปอนด์ของสหราชอาณาจักรเดิมติดลบ จึงมีการแห่ขายอย่างรวดเร็วในช่วงแรกแต่ก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ก็เพิ่มขึ้นแต่ยังถือว่าน้อยกว่าเดือนที่แล้ว ขณะที่ รายรับเฉลี่ยต่อสัปดาห์ โดยไม่รวมโบนัส ยังคงตัวเท่าเดิมและไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามที่นักเศรษฐศาสตร์หวังไว้ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้เคยมีการปรับขึ้นค่าแรงเล็กน้อย

พื้นฐานของเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีความอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม บวกกับสถานการณ์ Brexit ที่ยังคงดำเนินต่ออย่างไม่มั่นคงอีก แต่หากมองในเชิงเทคนิคแล้ว GBP/USD ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากโดยเฉพาะหลังจากความเคลื่อนไหวในวันอังคาร ซึ่งทำให้คู่สกุลเงินนี้พุ่งขึ้นเกินค่าเฉลี่ยค่าเงินหลักทั้งหมด ตอนนี้แรงกระตุ้นเอนเอียงไปทางเงินปอนด์สเตอร์ลิงอย่างแน่นอน แต่หากการเจรจาระหว่างเมย์และยุงเคอร์ในวันพุธนี้จบลงโดยไม่มีการยินยอมใด ๆ จาก EU เราอาจได้เห็น GBP/USD ดิ่งลงต่ำกว่า1.30 อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้นักลงทุนยังซื้อ เงินยูโร อีกด้วย แต่ความเคลื่อนไหวยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับ GBP ขณะที่ยูโรโซนยังคงมีข้อมูลการซื้อขายที่ซบเซากว่า รวมไปถึง แบบสำรวจ ZEW ของเยอรมันที่ออกมาเมื่อเช้าวันอังคาร ซึ่งผลสำรวจอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2557 รวมถึงยอดใน บัญชีเดินสะพัด ของยูโรโซนอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบสองปีปัจจัยความคาดหวัง ของ ZEW ดีดตัวกลับเป็นเวลาสี่เดือนติดต่อกัน

ในแง่ของแรงกระตุ้นต่อนักลงทุน การปรับตัวขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความหวังรำไรที่ปลายอุโมงค์และในที่สุดภาวะ ผลตอบแทนในระยะสิบปี ถดถอยของสหรัฐฯ ก็แซงหน้าการถดถอยของผลตอบแทนเยอรมัน ไปเสียแล้ว ทว่าเหตุผลสองประการหลักที่ทำให้ราคาเงินยูโรเพิ่มขึ้นคือการอ่อนค่าของ เงินดอลลาร์ และค่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้ที่เพิ่มมากขึ้นตลาดหุ้นของสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบปีนี้เมื่อวันอังคาร ทำให้สกุลเงินกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง (high-beta) ต่างก็ปรับตัวขึ้นกันทั้งสิ้น

ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ก็ได้เสร็จสิ้นการจัดทำรายงานลับเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับตอนนี้การไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ถือว่าเป็นข่าวดีเนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องภาษียานพาหนะ

ประการสุดท้าย มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะยืดเส้นตายการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนออกไปอีกจากเดิมในวันที่ 1 มีนาคม รองประธานาธิบดีฯ ได้กลับมาถึงกรุงวอชิงตันแล้ว ทรัมป์ยังคงกล่าวเช่นเดิมว่าการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดี

เขาเสริมเรื่องเส้นตายในวันที่ 1 มีนาคมว่า “วันนี้ไม่ใช่วันสำคัญอะไร อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น” เห็นได้ชัดว่าประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเปิดโอกาสให้มีการเลื่อนเส้นตาย และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขายังกล่าวอีกว่าหากการทำข้อตกลงเสร็จสิ้นก็สามารถยกเลิกการเก็บภาษีได้ ขณะที่เราคงต้องตั้งข้อสังเกตกันต่อไปจนกว่าจะมีการลงนามในข้อตกลง

คำพูดเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าสถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนค่าเงิน AUD และ NZD ก็เพิ่มขึ้นเป็นข่าวดีของผู้ซื้อขาย รวมถึงการเพิ่มขึ้นของ ราคาผลิตภัณฑ์นม อีกด้วย แต่โชคไม่ดีที่ ราคาผู้ผลิต ของนิวซีแลนด์มีกำหนดประกาศในบ่ายวันอังคารและความเสี่ยงยังคงอยู่ในแง่ลบ หลังจากรายงาน CPI ที่ออกมาซบเซากว่าที่คาดหวังไว้