🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

น่าจะเห็น SET INDEX พักฐานในระยะสั้น

เผยแพร่ 16/10/2567 09:42
SETI
-

SET INDEX มีโอกาสที่จะปรับฐานระยะสั้น โดยส่วนหนึ่งของแรงกดดันมา จากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า กว่าคาด กดดันให้DEMAND ปรับลดลง ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออก กลางมีการส่งสัญญาณว่าจะไม่โจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของ อิหร่าน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นน้ำมัน และปิโตรเคมี ส่วนผลโพลการเลือกตั้งในสหรัฐ กระแสเริ่มกลับมาที่ REPUBLICAN ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ FUND FLOW จากต่างชาติ ชะลอการไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นบ้านเรา สำหรับการประชุม กนง. วันนี้ ประเมินว่า น่าจะเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% แต่ก็มี โอกาสปรับลดลง 0.25% ในการประชุมรอบเดือน ธ.ค.67 ทั้งนี้หากเป็นไป ตามคาดก็น่าจะทำให้เป้า SET INDEX ปีนี้อยู่ที่บริเวณ 1510 จุด แม้จะมีแรงหนุนจากแรงซื้อนักลงทุนสถาบันฯ แต่น้ำหนักเริ่มเบาลง ขณะที่ การปรับขึ้นของ SET INDEX ถูกหนุนด้วยหุ้นส่วนน้อย วันนี้คาดกรอบ 1458 –1478 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BDMS, TU และ WHA

ความเสี่ยงเพิ่มเติมกดดันราคาน้ำมันรวงลงแรง วานนี้ ราคาน้ำมับดิบโลกร่วงลงอีกราว 4% ทำให้ BRENT ลดลงไปแตะ 74 เหรียญฯ/ บาเรล ขณะที่ WTI ใกล้หลุด 71 เหรียญฯ/บาเรล แล้ว

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบย่อตัวลง  มีทั้งแรงกด DEMAND และ แรง หนุน SUPPLY เสี่ยงเบาบางลง

• ความกังวล DEMAND ชะลอตัวลง โดย IEA ได้ออกรายงานเตือนภาวะ น้ำมันล้นตลาด จากอุปสงค์ซบเซา บวกกับเศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า หลัง มาตรากระตุ้นต่างๆ ยังมีความไม่ชัดเจนมากนักในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ

• SUPPUY การผลิตอาจได้รับผลกระทบน้อยลง หลังสื่อรายงานว่าอิสราเอล ไม่มีแผนโจมตีแหล่งน้ำมันหรือโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม กรณีความตึงเครียดตะวันออกกลางต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เพราะหากเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น จะกลายเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมัน ขยับขึ้นได้

ทั้งนี้ราคาน้ำมันบริเวณนี้ ถือเป็นจุดที่กำลังเลือกทาง ซึ่งต้องรอติดตามความเสี่ยงที่ จะเข้ามาเพิ่มเติมในระยะข้างหน้าด้วย โดยในเชิงเทคนิค ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังมี โอกาสร่วงลงไปถึง 56.5 เหรียญฯ/บาเรล

สรุป ความกังวล DEMAND โลกชะลอตัว บวกกับSUPPUY การผลิตอาจได้รับ ผลกระทบน้อยลง เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบโลกร่วงแรง อย่างไรก็ตามยังต้อง ระวัง SUPPLY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ จากกระแสความตึงเครียดตะวันออก กลางที่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้เช่นกัน

เก็งหุ้นรับเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเศษๆ ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ 5 พ.ย. นี้ขณะที่ POLL ผลสำรวจผู้ที่จะได้เก้าอี้ระหว่าง แฮรริส : ทรัมป์คะแนนความนิยมพลิกสูสี ขณะที่หลายๆ สัญญาณบ่งชี้ว่า TRUMP โอกาสชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยข้อมูล ในอดีตปี 2016 พรรค REPUBLICAN เป็นฝ่ายชนะ คะแนนความนิยมพรรค DEMOCRATIC จะมากกว่า แต่ห่างกันแค่เล็กน้อย (คล้ายคลึงกับสถานการณ์ ปัจจุบัน) อีกทั้งผลการสำรวจจากสำนักสถิติบางแห่ง เริ่มเห็นคะแนนความนิยมของ TRUMP นำหน้า HARRIS แล้ว

หากพรรค REPUBLICAN ชนะ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนขึ้น จากผลกระทบของ การเก็บภาษี 100% ของสินค้านำเข้าจากประเทศจีน หรือประเทศในกลุ่ม BRICS, ค่าเงินมีโอกาสผันผวน และเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจยืนสูงนานขึ้น ทั้งนี้นโยบายกัดกันทางการค้าจีน ถือเป็นอีกหนึ่งในนโยบายเรือธงของ TRUMP โดย ธปท. ได้ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นในสมัยที่ TRUMP เป็น ปธน. สหรัฐฯ ปี 2016 พบว่า สินค้าไทยที่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น (ทดแทนสินค้าจีนที่ถูกกัดกัน ทางภาษี) อาทิ เครื่องจักร, อุปกรณ์สื่อสาร, คอมพิวเตอร์เป็นต้น

แต่ในทางตรงกันข้าม สินค้าใดที่ไทยส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ คล้ายคลึงกับสินค้าที่จีน ถูกตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ก็มีความเสี่ยงที่ไทยจะได้รับผลเสียจากการถูกจีนหัน มาแย่งตลาดส่งออกอื่นมาก เช่น สินค้าในหมวดปิโตรเคมี อุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ จากเหล็ก และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ คาดว่าจะเป็นกลุ่มขนส่งจากการเร่งสั่งสินค้าก่อนมีการขึ้นภาษี RCL PSL TTA หุ้นกลุ่มนิคมฯ จากการเปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อลด ความเสี่ยงจากประเด็นกำแพงภาษี AMATA WHA

การลดหรือคงดอกเบี้ย จะเปิดหรือจำกัดหมาย SET ได้ ทาง BLOOMBERG คาดว่า วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ย ไว้ที่ระดับเดิม 2.5% โดยประเมินจาก 22 สำนักเศรษฐกิจที่คาดการณ์ กนง. จะคง ดอกเบี้ย 2.5% จากสำนักเศรษฐกิจทั้งหมด 27 สำนัก

ขณะที่ในมุม BOND YIELD ไทย 10 ปี ก็ทยอยปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 2.50% แล้ว ซึ่ง ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดก็ให้น้ำหนักว่า กนง.มีโอกาสคงดอกเบี้ยในการประชุม วันนี้ ส่วนระยะถัดไป หรือการประชุมในช่วงเดือน ธ.ค.67 ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ามีหลาย ปัจจัยที่หนุนให้ กนง.อาจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี

• ผลกระทบน้ำท่วม ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย – ภาคการท่องเที่ยว

• การใช้จ่ายภาครัฐ(G) และ การลงทุนภาคเอกชน(I) เสี่ยงต่ำกว่าคาด

• ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง ส่งผ่านไปยังภาคการส่งออกอาจชะลอตัว

• เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท.

• นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเงื่อนไขเปลี่ยนไป อาจไม่ก่อให้เกิดพายุหมุนทาง เศรษฐกิจ อาทิ เปลี่ยนจากการแจกเงิน 10,000 บาทให้ทุกคน เป็นแจกแค่กลุ่ม เปราะบาง และ การเลื่อนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง วงเงิน 5,000 ล้านบาท ออกไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ถ้ากนง. คงดอกเบี้ยรอบนี้ และส่งสัญญาณคง ดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีอาจกดดันให้ SET INDEX ชะลอการปรับขึ้นได้เพราะในมุม VALUATION ภายใต้ FUND FLOW ไม่ไหลเข้า อิง MEYG 3.8%, EPS67F 91.4 บาท/ หุ้น จะได้ TARGET ของ SET INDEX ที่ 1450 จุดเท่านั้น แต่ถ้ามีการลดดอกเบี้ยอาจ ขยับขึ้นไปได้บริเวณ 1510 จุด

สรุป การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ กนง. ตามกลไกมีผล UPSIDE ของ SET INDEX ภายใต้ FUND FLOW ชะลอแบบนี้ ถ้ากนง. คงดอกเบี้ย เป้าหมายปลายปี เหลือ 1450 จุด แต่ถ้าลด 1 ครั้ง เป้าหมายปลายปีเพิ่มขึ้นมาเป็น 1510 จุด

ประเมินแรงหนุนวายุภักษ์แผ่วลง SET มีโอกาสผันผวนมากขึ้น SET INDEX ยังคงถูกต่างชาติขายหุ้นไทยมา 14 วันทำการ ติดต่อกัน กว่า 2.4 หมื่น ล้านบาท ซึ่งปกติถ้าไม่มีเม็ดเงินวายุภักษ์ SET INDEX มีโอกาสปรับฐาน -3% ได้

และหากกลับมาวิเคราะห์เม็ดเงินหนุน SET INDEX จากกองทุนวายุภักษ์ พบว่า เม็ด เงินที่เข้ามาหนุนตลาดได้ดี แต่ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสผันผวนมาก ขึ้นในระยะถัดไป ดังนี

1. เดือน ต.ค. แรงซื้อจากสถาบันฯ สูงขึ้นกว่าปกติ 1 เท่า หรือน่าจะเป็นเม็ดเงิน จากกองทุนวายุภักษ์ราว 4 พันล้านบาทต่อวัน โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเม็ด เงินสถาบันฯเฉพาะฝั่งซื้อเดือนนี้เฉลี่ยราว 8.0 พันล้านบาทต่อวัน สูงจาก ค่าเฉลี่ยก่อนมีเม็ดเงินวายุภักษ์ (ม.ค. - ก.ย. 67) ที่4.2 พันล้านบาทต่อวัน แสดงว่าเฉลี่ยๆ แล้วมีเม็ดเงินส่วนเพิ่มจากสถาบันฯที่ส่วนใหญ่น่าจะมาจาก กองทุนวายุภักษ์เพิ่มเข้ามาราว ๆ 4 พันล้านบาทต่อวัน

2. คาดเงินวายุภักษ์น่าจะไหลเข้ามาแล้วกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท ทำให้เม็ดเงินที่ เหลือพยุงหุ้นช่วงที่เหลือของปีค่อยๆ ลดลง โดยประเมินเงินวายุภักษ์ที่ไหลเข้า จะเท่าๆกันกับเม็ดเงินสถาบันฯ ส่วนเกินสะสมในเดือน ต.ค. นี้ ดังนั้นเม็ดเงิน วายภักษ์ที่จะพยุงหุ้นในช่วงที่เหลือของปีอาจจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เพราะตามนโยบาย กองทุนวายุภักษ์มีโอกาสซื้อหุ้นได้ราวครึ่งหนึ่งของพอร์ต (ประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท) หรือมากกว่านี้

3. ปัจจุบันแรงซื้อหุ้นจากสถาบันฯ เริ่มชะลอลง สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อหุ้น จากสถาบันฯ ชะลอลง โดยเฉพาะวานนี้ 15 ต.ค. 67 สัดส่วนการซื้อหุ้นจาก สถาบันฯ เริ่มแผ่วเหลือเพียง 5.1% ของมูลค่าซื้อขายเท่านั้น ลดลงจากสูงสุด ช่วงต้นๆเดือนที่ 8.8% และมากกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนการ ซื้อปกติ เฉลี่ยในเดือน ม.ค. - ก.ย. ที่ 4.7%

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า แรงหนุนตลาดหุ้นไทย จากเม็ดเงินวายุภักษ์ ค่อยๆ แผ่วลง ทำให้ SET INDEX ในช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสผันผวนมากขึ้น ภายใต้ VALUATION SET ที่เริ่มตึงๆ แนะนำถือเงินสดบางส่วน 10% - 20% ส่วนการเลือก หุ้นเข้าพอร์ตต้องพิถีพิถันมากขึ้น เน้นหุ้นพื้นฐานดี มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และมี UPSIDE มากกว่าตลาด แนะนำ GPSC MTC TASCO CK BEM ADVANC BDMS BJC เป็นต้น

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย