หลังประกาศตัวเลข PCE เดือน ส.ค.67 ของสหรัฐ ซึ่งออกมา 2.2% YOY ต่ำกว่าคาด สร้างความคาดหวังว่าจะเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ยเชิงรุกต่อ โดยการประชุม 7 พ.ย. คาดเห็นการปรับลดลงในอัตรา 0.5% ด้วยความ น่าจะเป็น 53.3% ส่วนอัตราดอกเบี้ยสิ้นปีคาดว่าจะจบที่ 4.25% รวมลด ปีนี้ 1.25% รูปแบบการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวในเชิงกลไกมีโอกาสที่จะ ทำให้เงินไหลตลาดการเงินบ้านเราได้ต่อเนื่อง และในระยะต่อไปก็อาจจะมี แรงกดดันให้ กนง. บ้านเราต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาตาม ส่วน ในบ้านเราอยู่ในช่วงที่มีการโอนเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางซึ่งน่าจะ ทำให้ตัวเลขการบริโภคภาคครัวเรื่อนในช่วง 4Q67 ดีขึ้น INVESTMENT THEME ให้นำหนักไปที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับอุปโภค-บริโภค, การ ท่องเที่ยว และภาคการก่อสร้าง แม้ในระยะสั้นจะมีการปรับฐานบ้าง แต่มองว่าเป็นการปรับเพื่อเตรียมปรับ ขึ้นต่อ วันนี้คาด SET INDEX อยู่ในกรอบ 1445 – 1460 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก AOT (BK:AOT), BEM และ CBG
ตามกระแส CHINA PLAY
รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับ ธ.พ. และเร่งแก้ปัญหา ภาคอสังหาฯ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้กระตุ้นการบริโภค นอกจากนี้ยังเตรียมออกกองทุนพยุงหุ้นด้วย
ในมองมุมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง-ยาว บ้านเราจะได้ประโยชน์อย่าง แน่นอน หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออกไปจีนเป็นลำดับ 2 (เป็น รองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออกในไทยทั้งหมด และหาก พิจารณาในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูง ถึง 1.83% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด และมีโอกาสเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้าไทยมากขึ้นต่อเนื่อง จนกลับไปอยู่ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 โดยมีจำนวน เฉลี่ย 9 แสนคน/เดือน
ประเด็นดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาส OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลก คล้ายคลึงตลาดหุ้นจีน โดยกลยุทธ์การลวทุนในช่วงนี้ เน้นตาม SENTIMENT จีน กระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นหุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว
ัฐบาล แจกเงิน 10,000 บาทวันสุดท้าย คาดช่วยผลักดัน GDP ได้บ้าง วันนี้จะเป็นวันที่แจกเงินกลุ่มเปราะบาง 10,000 บาทวันสุดท้าย ส่วนเฟส 2 น่าจะได้รับ เงินไม่ทันในปีนี้ และคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 1H68 ตามการเปิดเผยต่อสื่อของ รมช. คลัง ซึ่งเศรษฐกิจไทยช่วง 2H67 มีโอกาสเติบโตเด่น 4.1% จึงจะเท่ากับที่ กระทรวงการคลังประเมินทั้งปี 2567 เติบโต 3% และเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำ 1.9% ซึ่งต้องติดตามว่าตัวเลข GDP ไตรมาส 3 และ 4 จะออกมาใกล้เคียงกับที่ คลัง คาดไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตามน่าจะเห็นการเติบโตเป็นขั้นบันไดนับจากนี
และหากพิจารณาข้อมูลในอดีต ช่วงที่เศรษฐกิจไทยมีแรงกระตุ้นทยอยฟื้นตัวได้สูง กว่าคาดการณ์ มักจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มขยับขึ้นตามไปด้วย อาทิ ช่วง 1Q66-1Q65 เป็นต้น ส่วนหุ้นที่น่าทยอยสะสมหลังจากนี้ คือ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ทางตรงจากนโยบายแจกเงินของภาครัฐฯ อาทิ
• กลุ่มเกษตร-อาหาร TU CPF CBG SAPPE SNNP ICHI NSL M
• กลุ่มค้าปลีก CPALL (BK:CPALL) CRC BJC HMPRO COM7
• กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD TIDLOR BAM
สรุป เศรษฐกิจไทยใน 2H67-2568 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความคาดหวัง การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของรัฐบาล คาดหนุน SET ขยับขึ้นได้ต่อในช่วง ที่เหลือของป
ช่วง 4Q67 FUND FLOW ต่างชาติ และเม็ดเงินวายุภักษ์ เป็นส่วน สำคัญช่วยพยุงตลาด
เม็ดเงินต่างชาติ เม็ดเงินต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ อ้างอิงตาม ทิศทางดอกเบี้ยหลายประเทศทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป มีโอกาสเป็นขาลงเร็วและแรงกว่า ประเทศไทย(BOND YIELD สหรัฐ-ไทยแคบลง) ซึ่งส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทย กับสหรัฐแคบลง FUND FLOW ต่างชาติมักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ในทางกลับกัน หาก BOND YIELD 10 ปี ไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง(GAP มากขึ้น) FUND FLOW ก็มักจะ ไหลออกเช่นกัน โดยทุกๆ ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y(US-TH) แคบลง 5 ถึง 10 BPS. หนุนให้ FUND FLOW ไหลเข้าได้ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้า ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y (US-TH) กว้างขึ้น 5 ถึง 10 BPS. กดดัน FUND FLOW ไหลออก 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากยังมีเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์อีก 1.5 แสนล้านบาท บวกกับเม็ดเงินจาก THAIESG เงื่อนไขใหม่ 34 กองทุน ราว 1 – 2 หมื่นล้านบาท คอยพยุงตลาดในช่วง 4Q67 โดยพอรัฐบาลอนุมัติกองทุน THAIESG ใหม่ ผ่านมาได้ 1 เดือนกว่า ๆ มีเม็ด เงินหนุนเพิ่ม 2.5 พันล้านบาท จนมี AUM ล่าสุด อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท (ณ 20 ก.ย. 67)
และปกตินักลงทุนมักกระจุกการลงทุนกองทุนประหยัดภาษีในช่วงท้ายๆ ปี หรือไตร มาสที่ 4 ราว 66% ของทั้งปี หนุนช่วง 4Q67 เม็ดเงินจะเข้ามาในตลาดหนาแน่นขึ้น
สรุป นอกจาก FUND FLOW จากต่างประเทศจะมาแล้ว เงินทุนในประเทศก็น่าจะมา ผ่าน วายุภักษ์ THAILAND ESG FUND กว่า 1.7 แสนล้านบาท ค่อยช่วยพยุงตลาด หุ้นไทยในช่วง 4Q67 ให้มีโอกาสผันผวนน้อยลง
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities
หุ้นตัวใดที่คุณควรซื้อในการเทรดครั้งถัดไป?
ด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงริ่วในปี 2024 ดังนั้นนักลงทุนจำนวนมากจึงไม่สบายใจที่จะนำเงินมาลงในหุ้นเพิ่มขึ้น ไม่แน่ใจว่าจะลงทุนในหุ้นตัวใดต่อไปใช่ไหม? คุณสามารถเข้าถึงพอร์ตที่พิสูจน์แล้วของเราและค้นพบโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพสูง
เฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว เทคโนโลยี AI ของ ProPicks AI ได้ระบุหุ้น 2 ตัวที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 150%, หุ้นเพิ่มเติมอีก 4 ตัวที่ดีดตัวขึ้นกว่า 30% และหุ้นอีก 3 ตัวที่ไต่ระดับขึ้นกว่า 25% เป็นสถิติที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ด้วยพอร์ตลงทุนที่ปรับให้เหมาะสำหรับหุ้นดาวน์โจนส์, หุ้น S&P, หุ้นเทคฯ และหุ้นขนาดกลาง (Mid Cap) ต่าง ๆ ดังนั้นคุณจึงสามารถสำรวจกลยุทธ์ที่สร้างความมั่งคั่งต่าง ๆ ได้