พันธบัตรรัฐบาล จะบอกว่า มันคือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ในพีระมิดการลงทุน เงินมากมายจึงไหลย้อนกลับไปที่พันธบัตร เมื่อสภาวะตลาดดูไม่ปลอดภัย เกิดการเคลื่อนที่ไปมาของ หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้
พันธบัตรรัฐบาล เพราะหากเมื่อถือครบไถ่ถอน ก็จะได้เงินต้นพร้อมกับดอกเบี้ย ตามระยะเวลา+ผลตอบแทน % (2 5 10 30 ปี)
" Bond Yield ขึ้น Bond Price ลง
Bond Yield ลง Bond Price ขึ้น "
ตรงนี้ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านเกิดเห็นภาพใน Keyword นั่น
เราลองจินตนาการเฉย ๆ ว่ากรณีที่ดอกเบี้ยตีกลับจาก
การประกาศสงครามร่วมของสหรัฐและอิสราเอล
ดอกเบี้ยจะตีกลับ 2 หลัก
แล้ว Jamie Simon เคยบอกว่า "โลกยังไม่พร้อมสำหรับ ดอกเบี้ย 7%"
ดอกเบี้ยตีกลับ ราคาของพันธบัตรจะลดลง !!!
หมายถึง หากมีสถาบันธนาคาร นักลงทุนทั้งที่ฝากไว้กับกองทุน
ที่ถือ พันธบัตรอยู่ไว้จำนวนมาก มันจะ ขาดทุน ที่ตัวของราคา พันธบัตร
มูลค่าจะลดลง จาก NAV ที่ถูกแก้กฏปี 2008
Mark to Market ปรับมูลตามราคาตลาด
แล้วในสภาวะที่สภาพคล่องของเงินเหือดแห้ง เพราะ Flow ของเงินไม่หมุนทั่วโลก ไม่มีเงินไปเติม ตามประวัติศาสตร์ ชาติมหาอำนาจจะต้องขอกู้แหล่ง Source of fund ก็คือ รายย่อยทั่วโลก นั่นก็คือ สหรัฐอเมริกามาขอกู้เงิน ให้เงินไหลกลับไปยังสหรัฐ เพราะ ไม่มีลูกค้าธนาคารกลางมากู้พันธบัตรสหรัฐ
พอ มูลค่าลดลงจะ เกิดการล้มทางโครงสร้างของพันธบัตร + การทำ Leverage ที่เคยกู้กันมากมายทั้งก่อน Lockdown หลัง Lockdown ( เงิน Freeze ไว้ เมื่อจิตวิทยาคนคิดว่ามันจะกลับมาดี จังหวะนั้น ราคาสินค้าจะเริ่มเพิ่มสูงขึ้น )
รวมถึงกระแส Startup เมื่อไม่กี่ปีก่อน นำเงินไปเผาเล่น เป็น Zombie Company มากมายตายคาโครงสร้าง เกิดการซ้อนกันของหนี้แบบชั้นคอนโด ทับถมกันหลายๆ เป็น Debt Complexity
โดยมี หุ้น คือ สินทรัพย์ในการค้ำประกันให้กับกองตราสารหนี้ หุ้น มันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มา ค้ำประกัน เพราะระบบถูกเอื้ออำนวยต่อสิ่งที่ถูกนิยามว่าเป็น การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
เมื่อทุกอย่างถึงวันนั้น มหกรรมการล้มละลายทางการเงินจะสร้างวิกฤตขนาดใหญ่ ของกองหนี้มหึมา ระเบิดแล้วเริ่มต้น เข้าระบบการเงินใหม่ ซึ่งก็เป็นอีกตัวที่น่าจับตามอง หาก Brics ประกาศ New Currency