ทองคำโลกทะยานทำ All Time High ต่อเนื่อง ทำไฮสูงสุดที่ระดับ $2,685 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีความตึงเครียดหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย MyGOLD Plus Investment research Dept. คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 จากการที่กระแสเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก ทั้งนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ ซึ่งเฟดจะใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในการประชุมเฟดครั้งถัดไปหากยังชะลอตัวจะเป็นแรงหนุนสลับสนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยต่อตามที่ตลาดคาดหวัง
ในอดีต การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักส่งผลบวกต่อราคาทองคำ โดยมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้:
ต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ลดลง: เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากการถือครองสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ย เช่น เงินฝากหรือพันธบัตร จะลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง: การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนจะแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในสกุลเงินอื่น ทองคำซึ่งซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ จะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาทองคำสูงขึ้น
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ: การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่าของเงินลงทุน ตัวอย่างจากอดีต: ช่วงปี 1995 - 1999, 2001 - 2004, และ 2007 - 2015: ในช่วงเวลาเหล่านี้ เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ย และราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในระยะกลางถึงระยะยาวหลังจากการลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างการลดดอกเบี้ยของเฟดและราคาทองคำ ไม่ใช่กฎตายตัว และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำด้วย เช่น อัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในทองคำควรพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ใช่เพียงแค่การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลทางเทคนิคแนวโน้มราคาทองคำ
สำหรับวันนี้ราคาทองโลกเปิดตลาดที่ระดับ 2,672 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศคาดการณ์ตอนเปิดตลาดขายออกบาทละ 41,100 บาท สำหรับมุมมองทางเทคนิคราคาทองคำโลกภาพรวมใหญ่ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น โดยยังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหลาย โดยเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น-กลาง-ยาว ยังคงทำ slope (ความชัน) เป็นบวกและเรียงตัวในทิศขึ้น แนวโน้ม Sideway Up โดยฝั่งซื้อยังได้เปรียบตลาด แต่อาจระมัดระวังแรงเทขายรุนแรงตามมาได้ หลัง RSI อินดิเคเตอร์สะท้อนภาวะซื้อมาก(Overbought) ในกราฟราย 1 วัน อาจทยอยปิดทำกำไรบางส่วน สำหรับทองในประเทศจะยังคงได้รับอิทธิจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องทำให้ราคาทองฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ราคาสูงสุดต่ำสุดของราคาทองโลกเมื่อวานนี้
สูงสุด 2,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำสุด 2,654 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธการลงทุนทองคำ (Buy)
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,650/2,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,685/2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 40,800/40,600บาท
แนวต้าน 41,100/41,250บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้
การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) คาดการณ์เป็นกลางต่อทอง
กองทุน SPDR (กองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
ถือครอง 877.12 ตัน(คงที่)
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00%
บทวิเคราะห์ข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯเท่านั้น บริษัทฯไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นโดย MyGOLD Plus Investment research Dept.