- รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ การแถลงของพาวเวลล์ และบันทึกการประชุมเฟด จะอยู่ในความสนใจในสัปดาห์นี้
- Tesla มีสัญญาณซื้อ จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดใน Q2
- Constellation Brands มีสัญญาณ ขาย หลังผลประกอบการไม่เป็นดังคาด
- กำลังมองหาไอเดียการลงทุนใหม่ ๆ อยู่หรือปล่าว? InvestingPro กำลังจัดโปรโมชั่น Summer Sale ใช้งานเพียงเดือนละสามร้อยบาทเท่านั้น
หุ้นในวอลล์สตรีทปิดท้ายครึ่งปีแรกอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐฯ ปิดตัวต่ำลงเมื่อวันศุกร์
สำหรับสัปดาห์นี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.2% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 และ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.1%
ที่มา: Investing.com
ดัชนีทั้งสามเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน อยู่ในแดนบวกครั้งที่เจ็ดในรอบแปดเดือน Nasdaq เป็นผู้นำกลุ่มอีกครั้งด้วยการปรับขึ้นเกือบ 6% ต่อเดือน ดัชนี S&P 500 และ ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 3.5% และ 1.1% ตามลำดับ
ผู้ค้ายังปิดท้ายครึ่งแรกของปี 2024 อย่างแข็งแกร่ง Nasdaq เพิ่มขึ้น 18.1% ท่ามกลางการแรลลี่ที่หนุนด้วยกระแส AI ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 14.5% ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นประมาณ 3.8%
สัปดาห์นี้มีการซื้อขายสั้นลงเนื่องจากวันหยุด ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดเวลา 13.00 น. ET ในวันพุธ และยังคงปิดทำการในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันหยุดวันประกาศอิสรภาพที่ 4 กรกฎาคม แม้ตลาดจะเต็มไปด้วยกิจกรรมความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากมาย
ที่มา: Investing.com
สิ่งที่สำคัญที่สุดในปฏิทินเศรษฐกิจคือรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเพิ่มตำแหน่งงาน 189,000 ตำแหน่ง เทียบกับการเติบโตของงาน 272,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.0%
นอกจากนี้ ในวาระการประชุมจะเป็นรายงานการประชุมนโยบาย FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะครบกำหนดในวันพุธ ขณะที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ จะเข้าร่วมในการแถลงนโยบายก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรปในเมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส
ขณะนี้ผู้ค้าคาดว่ามีโอกาส 64.1% ที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดในการประชุมเดือนกันยายน ตามข้อมูลจากเครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ย ของ Investing.com
ไม่ว่าตลาดจะไปในทิศทางใด ด้านล่างนี้เราจะมาวิเคราะห์หุ้นตัวหนึ่งที่มีแนวโน้มจะเป็นที่ต้องการและอีกตัวหนึ่งที่เห็นข้อเสีย โปรดจำไว้ว่า กรอบเวลาวิเคราะห์ของฉันอยู่ระหว่างวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม - วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม
หุ้นน่าซื้อ: Tesla
หลังจากหนึ่งในหุ้นที่พุ่งสูงสุดประจำสัปดาห์ของปี 2024 หุ้นของ Tesla (NASDAQ:TSLA) มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นต่อไปในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเตรียมเปิดเผยตัวเลขยอดขายที่สำคัญในไตรมาสที่สอง
Tesla จะรายงานการส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ในช่วงเช้าวันอังคาร และคาดว่าผลลัพธ์จะเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป
แม้จะมีช่วงครึ่งปีแรกที่ท้าทายด้วยการลดราคาหลายครั้งและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง แต่ก็มีข้อบ่งชี้ว่าในที่สุดความต้องการเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากผู้บริโภคตระหนักดีว่าราคาไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญอีกต่อไป
อีลอน มัสก์ ผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าและ CEO ของเทสล่า คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์ได้ 430,000 คันในช่วงสามเดือนสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน ตามการประมาณการที่เป็นเอกฉันท์ หากดูสถิติย้อนหลัง Tesla ส่งมอบรถยนต์ได้ 386,810 คันในไตรมาสที่ 1 และ 466,140 คันในปีที่แล้วในไตรมาสที่ 2
Tesla ผลิต Model 3, Model Y, Model X และ Model S รวมถึง Semi และ Cybertruck ครอสโอเวอร์ Model Y ถือเป็นยอดขายส่วนใหญ่
เทสล่าได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยครองส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและจีน
นอกจากนี้ เหตุการณ์สำคัญกำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยมีกำหนดวันประกาศ Robotaxi Day อันโด่งดังของ Tesla ในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางขาขึ้นของบริษัทต่อไป
ที่มา: Investing.com
หุ้น TSLA พุ่งขึ้น 8.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ปิดเซสชั่นวันศุกร์ที่ 198 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในระดับปัจจุบัน Tesla มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 631 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ซึ่งใหญ่กว่าบริษัทชื่อดังอย่าง Toyota (NYSE:{8321|TM}}), Volkswagen (ETR:VOWG_p ), General Motors (NYSE:GM) และ Ford (NYSE:F)
แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แต่หุ้นก็ลดลง 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี และต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ 414.50 ดอลลาร์ประมาณ 52%
ที่มา: InvestingPro
เป็นที่น่าสังเกตว่า Tesla มี 'คะแนนสุขภาพทางการเงิน' ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 2.9 จาก 5.0 ซึ่งประเมินโดยโมเดลที่ใช้ระบบประมวลผลจาก AI ของ InvestingPro เน้นย้ำถึงตำแหน่งผู้นำในตลาดและแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวทั้งซอฟต์แวร์ และเอไอ
สมัครใช้งาน InvestingPro ตอนนี้ รับส่วนลดสูงสุด 50% นำหน้าคนอื่นหนึ่งก้าวด้วยข้อมูลเชิงลึก!
หุ้นควรขาย: Constellation Brands
ฉันคาดการณ์ว่า Constellation Brands (NYSE:{8034|STZ}}) จะพบกับสัปดาห์ที่น่าผิดหวัง เนื่องจากรายได้และคำแนะนำของบริษัทเบียร์ ไวน์ และสุรายักษ์ใหญ่จะกระทบต่อนักลงทุนเนื่องจากสภาพแวดล้อมระดับมหภาคที่ท้าทาย
Constellation Brands เจ้าของแบรนด์เบียร์ Corona และ Modelo มีกำหนดรายงานการอัปเดตไตรมาสแรกทางการเงินก่อนที่ตลาดหุ้นจะเปิดในวันพุธ เวลา 7.30 น. ET
เพื่อเน้นย้ำถึงอุปสรรคในระยะสั้นหลายประการที่ผู้ผลิตสุราต้องเผชิญ นักวิเคราะห์ 5 รายจาก 13 ที่สำรวจโดย InvestingPro ได้ปรับลดกำไรต่อหุ้นและประมาณการยอดขายก่อนบริษัทจะประการผลประกอบการ
จากข้อมูลของตลาดออปชัน เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าหุ้น STZ จะแกว่งตัวประมาณ 3.5% ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งหลังจากการเปิดเผยกำไร
ที่มา: InvestingPro
บริษัทเครื่องดื่มในโรเชสเตอร์ในนิวยอร์ก ซึ่งผลิตไวน์และสุราชื่อดังหลายแบรนด์ มีรายได้ 3.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13.5% จากกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 3.04 ดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในขณะเดียวกันรายรับคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็น 2.67 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดขายเบียร์แข็งแกร่งกว่ายอดขายธุรกิจไวน์และสุรา
เมื่อคำนึงถึงสิ่งนั้น ฉันเชื่อว่ามีความเสี่ยงด้านลบที่เพิ่มขึ้นที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถลดแนวโน้มการเติบโตของรายได้และยอดขายทั้งปีเพื่อสะท้อนถึงยอดขายไวน์และสุราที่น่าผิดหวัง
หุ้น STZ ปิดที่ 257.28 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ย่อตัวจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 274.87 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 11 เมษายน หุ้นเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งทำได้ต่ำกว่าตลาดในวงกว้างอย่างมาก
ที่มา: Investing.com
จากการประเมินมูลค่าในปัจจุบัน Constellation Brands มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 46.9 พันล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทเป็นบริษัทเครื่องดื่มไวน์และโรงกลั่นรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Diageo (LON:{6584|DGE}}) นอกจากนี้ Constellation ยังมีการลงทุนจำนวนมากในกัญชาทางการแพทย์และสันทนาการ ผ่าน Canopy Growth (NASDAQ:CGC)
ควรสังเกตว่าแนวโน้มระยะสั้นของ Constellation Brand ในด้านความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดอิสระนั้นดูมีความเสี่ยง ตามข้อมูลจาก InvestingPro ซึ่งระบุว่าการประเมินมูลค่ารายได้ที่สูงหลายรายการเป็นสาเหตุของความกังวล
ก่อนลงทุนอย่าลืมใช้ InvestingPro เพื่อดูแนวโน้มของบริษัทให้สอดคล้องกับตลาดและเป้าหมายการลงทุนของคุณ
ส่วนลด Summer Sale เริ่มแล้ว!
ผู้อ่านบทความนี้สามารถใช้งาน InvestingPro เพียงเดือนละสามร้อยบาทจากโปรโมชั่น summer sale
รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% เพียงกรอกคูปองโค้ด PROTIPS2024 (สำหรับการสมัครแบบรายปี) and PROTIPS20242 (สำหรับราย 2 ปี)
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ หรือนักลงทุนมือโปร InvestingPro ช่วยปลดล็อกศักยภาพการลงทุนของคุณด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุม ให้คุณตัดสินใจลงทุนได้แม่นยำมากขึ้น
นอกจากนี้เครื่องมือ investingPro ยังมี:
- Fair Value: ระบุว่าหุ้นราคาสูง หรือต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
- ProPicks: หุ้นที่คัดสรรด้วย AI เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถเอาชนะตลาดได้
- Stock Screener: ค้นหาหุ้นที่ดีที่สุดตามตัวกรองหลายร้อยรายการ
- Top Ideas: ดูว่านักลงทุนมหาเศรษฐีอย่างวอเรน บัฟเฟตต์ ไมเคิล เบอร์รี่ และจอร์จ โซรอส กำลังซื้อหุ้นตัวใดอยู่
Disclosure: ในขณะที่เขียนบทความนี้ ฉันลงทุนอยู่ใน S&P 500 และ Nasdaq 100 ผ่านทาง SPDR S&P 500 ETF (SPY) และ Invesco QQQ Trust ETF (QQQ)
ฉันปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนของหุ้นแต่ละตัวและ ETF ของฉันเป็นประจำ โดยพิจารณาจากการประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องของทั้งสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคและการเงินของบริษัท
มุมมองที่กล่าวถึงในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดตาม Jesse Cohen ได้ทาง X/Twitter @JesseCohenInv สำหรับการวิเคราะห์หุ้นเชิงลึก