ในแนวโน้มปี 2024 ของ Goldman Sachs นักวิเคราะห์ David Kostin ได้เพิ่มเป้าหมายของดัชนี S&P 500 จาก 5,200 จุด ในเดือนกุมภาพันธ์เป็น 5,600 ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5,487 ซึ่งหมายถึงการเติบโตของตลาดโดยรวมที่ 2%
สาเหตุของการแก้ไขดังกล่าวก็คือหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยเฉพาะความมั่นใจของนักลงทุนในมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia (NASDAQ:NVDA) Microsoft (NASDAQ:MSFT) Alphabet (NASDAQ:GOOGL) Amazon (NASDAQ:AMZN) และ Meta Platforms (NASDAQ:META) ในปัจจุบันมีสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ของมูลค่าตลาดของ S&P 500
เมื่อเปรียบเทียบกับคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) เฉลี่ยของ S&P 500 ที่ 6% หุ้นมูลค่าขนาดใหญ่เหล่านี้มีการคาดการณ์รวมกันถึง 37% ซึ่งสร้างความแตกต่างของการคาดการณ์ EPS ถึง 31% แต่ในระยะยาว หุ้นมูลค่าขนาดกลางตัวไหนบ้างที่มีศักยภาพที่จะเติบโตเหนือกว่าตลาดโดยรวมในลักษณะเดียวกันได้
1. Broadcom
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา หุ้น Broadcom (NASDAQ:AVGO) เพิ่มขึ้น 557% แต่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์แบบไร้สายกำลังมองหาการเพิ่มมูลค่าตลาดในปีนี้เนื่องจากหลายปัจจัย ประการแรก Broadcom สร้างชื่อเสียงตัวเองให้เป็นผู้จัดหาที่เชื่อถือได้ในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่คอนโทรลเลอร์เครือข่ายไปจนถึงที่จัดเก็บข้อมูลองค์กร
สิ่งนี่แสดงให้เห็นจากความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับ Google โดยการจัดหาหน่วยประมวลผลเทนเซอร์แบบกำหนดเอง (TPUs) สำหรับงาน AI ที่เพิ่มขึ้นของ Google
ประการที่สอง เพื่อชดเชยลักษณะวงจรของโมเดลธุรกิจหลัก Broadcom ได้ก้าวข้ามจุดสำคัญของการกระจายความเสี่ยงเมื่อตอนที่เข้าซื้อบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ VMware (NYSE:VMW) ในราคา 69 พันล้านดอลลาร์ ในรายงานผลประกอบการล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน รายได้ของ Broadcom แบ่งออกเป็นโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์ (58%) และซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐาน
โดยที่รายได้ต่อหุ้น (EPS) ของไตรมาสที่ 2 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 10.84 ดอลลาร์ เป็น 10.96 ดอลลาร์ Broadcom รายงานรายได้สุทธิแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ก่อนการเข้าซื้อ VMware บริษัทสิ้นสุดไตรมาสด้วยรายได้สุทธิแบบ non-GAAP ที่ 977 ล้านดอลลาร์ ทำให้โมเดลธุรกิจ SaaS ของบริษัทเติบโตขึ้น 34% เมื่อเทียบเป็นรายปี
เนื่องจากโมเดลดังกล่าวและต้นทุนการเปลี่ยนแปลงที่สูง จึงมีแนวโน้มว่า VMware จะยังคงเสริมรายได้ของ Broadcom ต่อไปในทุกไตรมาส และสุดท้ายเพื่อเชิญชวนการมีส่วนร่วมของนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น Broadcom ได้ประกาศแยกหุ้น 10 ต่อ 1 ซึ่งกำหนดให้มีผลในวันที่ 15 กรกฎาคม
เช่นเดียวกับที่ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ที่เป็นประโยชน์กับ Nvidia นักลงทุนก็ควรมองเห็นการไหลเข้าของเงินทุนที่คล้ายกันต่อหุ้น AVGO ด้วย ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา หุ้น AVGO พุ่งขึ้น 44% ขณะที่ราคาสูงสุดเฉลี่ย 52 สัปดาห์คือ 1,090.77 ดอลลาร์
ขณะนี้ที่ 1,802.52 ดอลลาร์ต่อหุ้น หุ้น AVGO กำลังมุ่งสู่เป้าหมายราคาเฉลี่ยที่ 1,886.43 ดอลลาร์ จากการคาดการณ์ของ Nasdaq โดยเพดานสูงสุดในอีกสิบสองเดือนข้างหน้าก็คือ 2,100 ดอลลาร์ต่อหุ้น แน่นอนหลังจากกลางเดือนกรกฎาคม มูลค่าก็จะถูกแบ่งออกเป็น 10 เท่า
2. ASML Holding N.V.
เมื่อเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์มีการย่อขนาดอย่างต่อเนื่องในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีดังกล่าวก็มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้
ซึ่ง ASML ของเนเธอร์แลนด์ (NASDAQ:ASML) ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น ASML เป็นบริษัทชั้นนำในด้านนี้เนื่องจากเครื่องลิโธกราฟีที่มีแสงอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) และแสงอัลตราไวโอเลตระดับลึก (DUV) ซึ่งช่วยในการผลิตโหนดเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่ DUV ใช้จัดการกับโหนดชิปที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่น 240-153 นาโนเมตร EUV จะช่วยให้กระบวนการดังกล่าวลดลงไปได้ถึง 7 นาโนเมตร 5 นาโนเมตร และต่ำกว่านั้น
เมื่อแบ่งระหว่างลอจิก (41%) และหน่วยความจำ (59%) ASML รายงานการจองระบบสุทธิที่ 3.6 พันล้านยูโรในไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2023 ที่ 6.7 พันล้านยูโร ยอดขายสุทธิทั้งหมดของ ASML ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.3 พันล้านยูโร ในช่วงห้าไตรมาสที่ผ่านมา ASML ได้สร้างยอดขายสุทธิสูงสุดที่ 7.2 พันล้านยูโรในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะการหมุนเวียนของบริษัท
แม้ภาคเซมิคอนดักเตอร์จะมีลักษณะของการหมุนเวียน แต่ตำแหน่งตลาดของ ASML ที่ไม่เหมือนใครก็เป็นกันชนที่จะช่วยป้องกัน ด้วยการจัดหาแท่นหล่อเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก เช่น Samsung Intel (NASDAQ:INTC) TSMC (NYSE:TSM) และอื่น ๆ ทำให้บริษัทมีความหลากหลายเพื่อป้องกันการตกต่ำทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ส่งผลให้ ASML เป็นหนึ่งในหุ้นที่ปลอดภัยที่สุดในพอร์ตการลงทุน ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา หุ้น ASML เพิ่มขึ้น 424% ซึ่งปัจจุบันราคาของหุ้น ASML อยู่ที่ 1,061 ดอลลาร์ สูงกว่าค่าเฉลี่ย 52 สัปดาห์ที่ 783.79 ดอลลาร์ต่อหุ้นอย่างมาก การคาดการณ์ของ Nasdaq วางเป้าหมายราคาเฉลี่ยของ ASML ที่ 1,102.25 ดอลลาร์ โดยมีเพดานสูงสุดที่ 1,185 ดอลลาร์ต่อหุ้น
3. MicroStrategy
ในฐานะที่เป็นบริษัทข่าวกรองธุรกิจ MicroStrategy กลายเป็นตัวแทนของ Bitcoin (BTC) หุ้น MSTR เพิ่มขึ้นกว่า 901% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เกินกว่าผลประกอบการของ Bitcoin เองในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 167% เทียบกับ 59% ตามลำดับ ทำให้ MicroStrategy (NASDAQ:MSTR) กลายเป็นหุ้นที่โดดเด่น
กลยุทธ์นี้ง่ายมาก โครงสร้างสังคมทั้งหมดมีแนวโน้มไปสู่การลดค่าเงิน เนื่องจากนักการเมืองเสพติดการสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ด้วยการบริการที่ต่อเนื่องทำให้งบประมาณรัฐบาลกลางขาดดุลขยายตัวพร้อมกับหนี้สิน ระบบธนาคารกลางจึงควบคุมความไม่สมดุลอย่างลึกซึ้งด้วยการแทรกแทรงอุปทานเงินอยู่ตลอดเวลา
นี่เท่ากับเป็นการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่งกับกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้า
MicroStrategy เดิมพันว่า Bitcoin จะเป็นทางออกจากระบบนี้ เนื่องจากลักษณะการกระจายอำนาจและผลกระทบในเครือข่ายขนาดใหญ่ของ Bitcoin แม้ว่าใครก็สามารถแยกโอเพ่นซอร์สของ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิตอลได้ แต่นั่นจะไม่มีความหมายเนื่องจากสินทรัพย์ดิจิตอลนั้นจะไม่ยึดกับ เครือข่ายฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ และการควบคุมพลังงาน proof-of-work
นี่ทำให้ Bitcoin เป็นหมวดหมู่ที่แยกต่างหากจากสกุลเงินดิจิตอลนับล้านในตลาด โดยการใช้หนี้สิน MicroStrategy ได้สะสม Bitcoin จำนวน 214,400 บิทคอยน์ที่ราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 35,158 ดอลลาร์ ในราคาปัจจุบันที่ 1,469 ดอลลาร์ หุ้น MSTR เพิ่มขึ้นเกือบจะสองเท่าของค่าเฉลี่ย 52 สัปดาห์ที่ 768.38 ดอลลาร์ต่อหุ้น