SET INDEX ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง, FUND FLOW ไหลออก และ มูลค่า การซื้อขายที่เบาบาง เป็นภาวะที่สะท้อนให้เห็นถึงระดับความเชื่อมั่นใน ทิศทางตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับต่ำ ประเมินจากปัจจัยแวลดล้อมทาง พื้นฐานเช้านี้ ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถดึงให้ SET INDEX กลับตัว ขึ้นมาได้ ทั้งนี้ประเด็นหลักยังป็นเรื่องการเมือง ซึ่งสัปดาห์นี้มี 4 ประเด็นที่ ต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญใน กรณี นายกฯเศรษฐา , การยุบพรรคก้าวไกล และการวินิจฉัยการเลือกตั้ง ส.ว. ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นอกจากนี้ในศาลอาญา ก็ยังมีกรณีที่ อัยการจะนำ อดีตนายกฯทักษิณ ขึ้นฟ้องกรณีทำผิดตามมาตรา 112 ส่วน ปัจจัยหนุนที่รออยู่ไม่ว่าจะเป็นมาตรการควบคุม SHORT SELL หรือ LTF ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีผลบังคับเมื่อใด
ความสนใจสัปดาห์นี้ อยู่ที่การติดตามทิศทางการเมือง โดยมี 4 ประเด็น ดังกล่าวมาข้างต้น ส่วนแรงที่จะหนุน SET INDEX ยังไม่มี คาดกรอบ 1300 –1315 จุด TOP PICK เลือก CPALL (BK:CPALL), CPN และ ADVANC
ตลาดหุ้นต่างประเทศเคลื่อนไหวตามปัจจัยรายประเทศ
วันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางตามปัจจัยที่เกิดขึ้นภายใน ของแต่ละประเทศ อาทิ
สหรัฐ : ตลาดหุ้นปิดในกรอบแคบราว -0.2% ถึง +0.1% ท่ามกลางมุมมองเรื่อง ทิศทางดอกเบี้ยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยตลาดยังคงมั่นใจว่า ว่า FED จะหั่น ดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งแรกเดือน ก.ย. และครั้งที่ 2 เดือน ธ.ค. ขณะที่ US BOND YIELD 10 Y มีการย่อตัวลงมาเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.2%
ยุโรป : ตลาดหุ้นร่วงลงแรงต่อเนื่อง เฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส โดยปรับตัวลงราว -2.7% หลังมีความกังวลวิกฤตการเมืองเพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสกล่าวเตือน ว่า ฝรั่งเศสอาจเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงิน หากพรรคขวาจัดหรือซ้ายจัดชนะการ เลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากมีแผนการใช้จ่ายจำนวนมาก
ญี่ปุ่น : ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น +0.24% หลัง BOJ มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.0 -0.1% ตามคาด พร้อมกับมีการเปิดเผยรายละเอียดการลดซื้อพันธบัตรในการ ประชุม 31 ก.ค. โดยระดับปัจจุบัน BOJ ซื้อพันธบัตรอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านล้านเยน (3.81 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน นอกจากนี้ ผู้ว่า BOJ ยังมีการส่งสัญญาณว่า อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อดีดตัวสู่เป้าหมาย 2% ขณะที่ BLOOMBERG คาดการณ์ BOJ ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.2% ในปีนี้
สรุป ตลาดหุ้นโลกเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางตามปัจจยที่เกิดขึ้นภายในของแต่ละ ประเทศ อาทิ สหรัฐ : ยังคงมีมุมมองเรื่องทิศทางดอกเบี้ยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม , ยุโรป : มีความกังวลวิกฤตการเมืองเพิ่มขึ้น, ญี่ปุ่น : ผู้ว่า BOJ ส่งสัญญาณขึ้น ดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อดีดตัวสู่เป้าหมาย 2%
SET ผันผวนหนัก 1 เดือน -5.5% จากความไม่แน่นอนทาง การเมือง
ประเทศไทยมีความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้ FLOW ต่างชาติ ไหลออก 17 วันติดต่อกัน รวมมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท และกดดัชนี SET INDEX ให้ปรับตัวลงมา 5.5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่วันพรุ่งนี้จะมีความคืบหน้าของกระบวนการการพิจารณา / วินิจฉัย คดี 4 คดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณา “คดี 40 ส.ว.ยื่นถอดถอน นายกฯ เศรษฐา"
สั่งยื่นบัญชีพยานเพิ่ม
• ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณา "คดียุบก้าวไกล” สั่งยื่นบัญชีพยานเพิ่ม
• อัยการนัดนำตัว อดีตนายกฯ ทักษิณ” ส่งฟ้องศาล คดี ม.112
• ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ขาด คำร้องพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ในวันพรุ่งนี้ น่าจะเห็นทิศทางที่ชัดเจนเพียง 1 ประเด็นเท่านั้น คือ ประเด็นการได้มา ซึ่งสว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่? ซึ่งหากศาลฯ ชี้ขาดไม่ขัด รธน. = ยกคำร้อง ทำให้การ ดำเนินการเลือกสว. ปี 67 ระดับประเทศในวันที่ 26 มิ.ย. ตาม TIMELINE เดิม แต่หาก ศาลฯ ชี้ขาดขัด รธน. = กระทบต่อการเลือกสว. 67, อาจส่งผลต่อ SENTIMENT การ ลงทุนในตลาดหุ้นได้
กลับมาที่ตลาดหุ้น การที่ SET INDEX ย่อตัวลงมาต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหา ระดับการลงลึกของดัชนีในช่วง 1 เดือน เทียบเคียงกับข้อมูลในอดีต ย้อนหลังตลอด 10 ปีที่ผ่านมา(ไม่นับปี 2020) พบว่า การปรับตัวลงของดัชนีกว่า -5.5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นการปรับตัวที่ลงแรงคิดเป็น PERCENTILE ถึง96.1% ของการลง แรงในรอบ 1 เดือนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่ทิ้งห่างจากระดับปกติ ออกมามากแล้ว ส่วนในอดีต 10 ปี ที่ผ่านมา SET INDEX เคยลงได้ลึกสุด -9.3% ในช่วง 1 เดือน
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ SET INDEX จะเกิด OVERHANG และไร้ซึ่งปัจจัยหนุนอย่างมีนัย ฯต่อไป จึงทำให้ FUND FLOW ต่างชาติยังไม่น่าจะไหลเข้าในช่วงเวลาดังกล่าว กดดัน ให้ดัชนีกลับไปยืนเหนือระดับ 1330 จุดได้ยาก ส่วนวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ในกรอบ 1300-1315 จุด ขณะเดียวกัน SET INDEX ก็ย่อตัวลงมาลึก ในช่วง 1 เดือน และเป็นการลงลึกกว่าระดับปกติมาก ดังนั้นถ้าเห็นพัฒนาการเชิงบวก กลับมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นมุม FUND FLOW หรือ มุมเทคนิดคอลก็มีโอกาสเห็น SET INDEX ค่อยๆ ทยอยฟื้นได้
หุ้นปันผลสูง ผู้นำก้าวข้ามความผันผวนประเด็นการเมือง
หุ้นปันผล น่าจะเป็นพระเอกที่เอาชนะตลาดหุ้นทียังเผชิญความผันผวนจากประเด็น การเมืองในช่วงนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ 4 ส่วนดังนี้
1. หุ้นปันผลสูง ปรับลงน้อยกว่าหุ้นอื่นๆ ในช่วงการเมืองร้อนแรง โดยช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (15 พ.ค. –14 มิ.ย. 67) ดัชนีที่ลงแรงสุด คือ MAI ปรับตัวลง -7.62% ตามมาด้วย SSET -5.86%, SET -5.09%, SET50 -4.60% และ SETHD (หุ้นปันผลสูง) ปรับตัวลงน้อยสุด -1.8% แสดงให้เห็นว่าหุ้นปันผล แข็งแกร่งและปรับตัวลงน้อยกว่าหุ้นอื่นๆ ในช่วงประเด็นการเมืองร้อนแรง
2. หุ้นปันผลสูงมักจะผันผวนน้อย ในโครงสร้างของหุ้นปันผลสูงมักจะมีความ ผันผวนน้อยกว่าตลาด หรือแปรผกผันกับค่า BETA สะท้อนได้จากหุ้นปัน ผลสูง มักจะมีค่า BETA ที่ต่ำ และหุ้นผันผวนต่ำมักจะมีค่า BETA ที่สูง
3. ในเชิงเทคนิค หุ้นปันผลสูง (SETHD) มีกราฟที่ดูดีกว่าดัชนีอื่นๆ สะท้อนได้ จากดัชนี SETHD ยังไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ในปีนี้ ผิดกับ ดัชนีอื่นๆ SET SET50 SSET MAI ทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีหมดแล้ว
4. ในมุม VALUATION SET INDEX ย่อตัวลงมาจน DIVIDEND YIELD เปิด กว้าง โดย SET INDEX 1310 จุด มี DIVIDEND YIELD สูงถึง 3.5% และเป็น ระดับ +1SD ในรอบ 5 ปี
ทั้ง 4 ปัจจัยแสดงให้เห็นว่า หุ้นพื้นฐานแข็งแรงปันผลสูง น่าจะเป็นหุ้นผู้นำที่ดี สำหรับ การก้าวข้ามความผันผวนประเด็นการเมืองในช่วงนี้ ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัด กรอง หาหุ้นพื้นฐานปันผลสูง ที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล น่าทยอยซื้อสะสมก้าว ข้ามความผันผวนในช่วงนี้ อย่าง SIRI, SPALI, TTB, SCCC, PTTEP, BBL, KBANK (BK:KBANK), INTUCH, TU, ADVANC
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities