ตลาดในวันนี้ยังคงถูกขับเคลื่อนจากผลของการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐใน 2 วันที่ผ่านมา
ความต้องการพันธบัตรที่ลดลงเมื่อคืนวันอังคารสำหรับการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะเวลา 2 ปีและ 5 ปียังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาพันธบัตร ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นและสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ในคืนวันอังคาร
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 4.6% หลังการประมูลพันธบัตรอายุ 5 ปีเผชิญกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี วงเงิน 7 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ได้รับการตอบรับอย่างซบเซาในตลาด โดย Bid-to-Cover ratio ลดลงสู่ระดับ 2.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 2.45 เท่า
ในขณะที่การประมูลธนบัตรอายุ 7 ปีเมื่อคืนนี้ พบว่า Bid-to-Cover ratio ได้ลดลงในเมื่อคืนนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเส้นทางที่คล้ายกันเหมือนกับที่เราเห็นจากการประมูลอายุ 5 ปีและ 2 ปี
การประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปีมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้อัตราผลตอบแทนที่ 4.650 % ซึ่งสูงกว่าตัวเลขก่อนการประมูลที่ 4.637 % ในขณะที่ Bid-to-Cover ratio นั้นอยู่ที่ 2.43 น้อยลงกว่าครั้งก่อนที่ 2.48 ซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของอุปสงค์อีกครั้ง
การเคลื่อนไหวต่ำกว่า 2.44 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2023 ของ Bid-to-Cover ratio อายุ 7 ปีนั้นได้รับความสนใจ ในขณะที่ตัวเลข 2.43 นั้นยังใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดของ Bid-to-Cover ratio อายุ 7 ปีที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งอยู่ที่ 2.39
Bid-to-Cover ratio ที่ใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดของเดือนมีนาคม 2023 ดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นอาจกระตุ้นให้เกิดความผันผวนที่รุนแรงในตลาดพันธบัตร
ซึ่งนั่นเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากการประมูลก่อนหน้านี้รวม 2 ครั้งซึ่งมีมูลค่ารวม 1.39 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความต้องการต่ำ ผลจากการประมูลพันธบัตรที่ได้เกิดขึ้นใน 2 วันที่ผ่านมากำลังส่งผลกระทบที่เพิ่มขึ้นในสินทรัพย์หลายประเภท โดยเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนของนโยบายทางการเงินของเฟด และยังคงครอบงำตลาดต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อแสดงสัญญาณการชะลอตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผลจากการประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปีของทางกระทรวงการคลังสหรัฐในเมื่อคืนนี้ ได้ส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับตัวลดลงเป็นพิเศษ หนุนให้อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นอีกครั้งในเมื่อคืนที่ผ่านมา และได้เห็นอารมณ์ของการปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องอย่างที่เราได้เห็นกันในตอนนี้
โดยสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์นำโดยทองคำและน้ำมัน รวมไปถึงตลาดสกุลเงินดิจิทัลซึ่งนำโดย Bitcoin จึงได้มีการปรับตัวลงทั้งหมด โดยยังไม่เห็นแรงผลักดันพื้นฐานใดๆนอกเหนือจากความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ USD ล่าสุด
และยิ่งส่งผลให้การประมูลธนบัตรอายุ 10 ปีในสัปดาห์หน้าเป็นที่สนใจยิ่งนัก
ทางด้านดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 10.53% แตะที่ระดับ 14.28 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ตลาดกำลังรู้สึกถึงอาฟเตอร์ช็อกจากวันที่ย่ำแย่ของสหรัฐเมื่อความต้องการขายธนบัตรสหรัฐที่อ่อนแอลง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อมาถึงตลาดยุโรปตั้งแต่ในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้เช่นเดียวกัน เมื่อการประมูลพันธบัตรของเยอรมนีได้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอลงเช่นเดียวกัน รวมไปถึงการออกพันธบัตรของยูโรโซนซึ่งได้ทำสถิติครั้งใหม่
การออกพันธบัตรยุโรปในปีนี้มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านยูโร (1.1 ล้านล้านดอลลาร์) มากกว่าสถิติครั้งก่อนในสัปดาห์ที่แล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนและอยู่ที่ 2.685% หลังเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดสู่ระดับ 2.8% ในเดือนพ.ค.
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 แตะ 4.57% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นแตะ 4.37% โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5
จากผลกระทบของการประมูลพันธบัตรที่ส่งผลมาถึงตลาดยุโรป โดย Bond Yield ของทั้งยูโรโซน เยอรมนี และอังกฤษที่พุ่งขึ้น ได้ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดยุโรปได้ปิดรับความเสี่ยง และส่งผลให้สกุลเงินฟรังก์สวิส CHF นั้นแข็งค่าขึ้นในวันนี้ในฐานะของสกุลเงินปลอดภัยในยุโรป
ความวิตกเกี่ยวกับการตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงอีกนานของธนาคารกลางรายใหญ่นั้นส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือน พ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.
และผลกระทบจากการประมูลพันธบัตรในครั้งนี้ ยังได้ส่งผลมาถึงตลาดเอเชียเช่นเดียวกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.025 จุดเปอร์เซนต์ จากระดับปิดวานนี้ สู่ระดับ 1.100% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 12 ปี ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงลดการซื้อพันธบัตรเพื่อปรับนโยบายให้เป็นปกติ และได้ส่งผลให้สกุลเงินเยน JPY แข็งค่าขึ้นในวันนี้ และสกุลเงินเยน JPY ยังได้รับแรงหนุนในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัยในเอเชียเช่นเดียวกัน
และการพุ่งขึ้นของ Bond Yield ได้หนุนดัชนีดอลลาร์ให้พุ่งทะลุระดับ 105 จุดอีกครั้ง โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.46% แตะที่ระดับ 105.098 ในวันนี้ และกดดันสินทรัพย์อย่างตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน และสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง BTC ให้ร่วงลงมาตั้งแต่ในช่วงของการเปิดตลาดยุโรปในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ครับ