Digital Wallet / BANK
• SET: คาด SET Index เปิดตลาดวันนี้ยังอยู่ในโหมด Technical rebound จาก Risk sentiment ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง สอดรับกับสัญญาณ Fund flow เมื่อวานนี้ที่ยังดีต่อเนื่องเช่นกัน ขณะเดียวกัน เมื่อคืนนี้นักลงทุนกลับมามี ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้อีกครั้ง ภายหลังจาก สหรัฐฯรายงานตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.ออกมาต่ํากว่าที่ ตลาดคาดมากที่ระดับ 49.9 ถือเป็นการอยู่ในโซนหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้ล่าสุด Fed Funds futures บ่งชี้โอกาสในการลดดอกเบี้ย เดือนกันยายนที่ 72% เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่ 67% ปัจจัยดังกล่าวทําให้เงิน ดอลลาร์ฯและ Bond yield สหรัฐฯปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ในเชิงกลยุทธ์ แนะน่าถือครองหุ้นในส่วนเดิมไปก่อน
• Digital Wallet: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการรวบรวม ข้อมูลและความเห็นของคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยเห็นชอบหลักการโครงการดังกล่าวแล้ว ทั้งเรื่องกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้า ร่วมโครงการ แนวทางการเข้าร่วมของประชาชน เงื่อนไขการใช้จ่าย ประเภทสินค้า การลงทะเบียนร้านค้า และแหล่งเงินทุน ส่วน Timeline ของโครงการยังคงเหมือนที่แจ้งออกมาก่อนหน้านี้ ที่จะเริ่มให้ลงทะเบียน ในไตรมาส 3 และเปิดให้ใช้จ่ายได้จริงในไตรมาส 4 ส่วนประเด็นการใช้ เงินกู้ของธกส.นั้น รัฐบาลเล็งส่งให้กฤษฎีกาช่วยตีความ
• Our take: เรายังคงเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ผลกระทบสุทธิของโครงการ Digital Wallet จะออกมาในด้านบวกได้ โดยจะก่อให้เกิดการหมุนเวียน ของเม็ดเงิน จนนํามาสู่ Multiplier effect ในระบบเศรษฐกิจ เกิดการ ขยายตัวของฐานเงินหรือ M2 ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศเราต้องการอย่างมาก ณ เวลานี้ แม้ว่าผลกระทบอาจจะไปเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ก็ตาม ประเมินปัจจัยดังกล่าวยังไม่ได้ถูกสะท้อนเข้าไปอยู่ในราคาหุ้นกลุ่มทีอิงกับ การบริโภคภายในมากนัก ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด คาดว่าจะเป็น Upside risk ต่อกลุ่มค้าปลีกที่สําคัญในช่วงปลายปีนี้ได้ ยังคงมองหุ้นเด่น ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายดังกล่าวได้แก่ CPALL (BK:CPALL), CPAXT, BJC
• BANK: เรามองเหตุการณ์ที่ท่านนายกฯ เรียกผู้แทนของธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ในประเทศเข้าหารือวานนี้เกี่ยวกับการช่วยลดดอกเบี้ยกลุ่ม เปราะบางว่า ประเด็นดังกล่าวอาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารทั้ง 4 แห่ง เนื่องจากปัจจุบันลูกหนี้ในกลุ่มเปราะบางส่วนใหญ่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือ ระยะยาวของธนาคารอยู่แล้ว ซึ่งหากมีการช่วยเหลือเพิ่มเติมจะเป็นการ พิจารณาในบางรายมากกว่า เนื่องจากการช่วยเหลือแบบหว่านแหอาจ ก่อให้เกิดปัญหาด้านวินัยทางการเงินได้ ทั้งนี้ต้องติดตามท่าทีจากธนาคาร แห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยเพิ่มเติมในช่วงถัดไป ซึ่งเรา ประเมินว่าคงจะยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางมาตรการสําคัญแต่อย่างใด ในเชิงพื้นฐานยังคงแนะนํา “ชื่อ” BBL, KTB และ TTB ส่วนในเชิงกล ยุทธ์ ยังคงมองกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่น่าสนใจสําหรับการซื้อกลับ ในช่วงนี้ จากความกังวลทางด้าน NIM ที่ได้ถูกสะท้อนเข้าไปอยู่ใน สมมติฐานของนักวิเคราะห์รวมถึงราคาหุ้นในปัจจุบันไปมากแล้ว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities