เปิด 3 หุ้นที่สามารถเอาชนะตลาดได้ในเดือนเมษายนด้วย investingPro

S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนมีนาคม โดยดัชนีมีผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ดีที่สุดในรอบห้าปี

ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐอเมริกามีการเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงตลอดเดือนและไตรมาสที่ผ่านมา หลังกระแสอย่างต่อเนื่องในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความคาดหวังที่ธนาคารกลางจะเริ่มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ในเดือนมีนาคม S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.1% อุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 2.1% และกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Nasdaq คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 1.8%

ซึ่งถือเป็นการทำกำไรเดือนที่ห้าติดต่อกันของทั้ง 3 ดัชนี

ที่มา: Investing.com

สำหรับไตรมาสนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นประมาณ 10.2% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 ขณะที่ Nasdaq และ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 9.1% และ 5.6% ตามลำดับ

หุ้นที่ทำการผลักดันกำไรตลอดทั้งเดือนและไตรมาสที่ผ่านมาคือ Nvidia (NASDAQ:NVDA) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสามในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ โดยหุ้น NVDA เพิ่มขึ้นถึง 14.2% ในเดือนมีนาคมและเพิ่มขึ้น 82.5% ในไตรมาสดังกล่าว เนื่องจากการเติบโตของ AI ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง

ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน เราได้ใช้เครื่องมือคัดกรองหุ้นของ InvestingPro เพื่อค้นหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบเป็นรายปี และพร้อมที่จะสร้างผลกำไรได้ในเดือนต่อไป

การคัดกรองหุ้นของ InvestingPro นั้นเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถช่วยเหลือนักลงทุนในการระบุหุ้นราคาถูกที่มีแนวโน้มการทำกำไรที่แข็งแกร่ง โดยนักลงทุนสามารถกรองหุ้นที่มีอยู่มากมายตามเกณฑ์และพารามิเตอร์แบบเฉพาะ ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาค้นหาหุ้นได้มากขึ้น

ที่มา: Investing.com

เนื่องจากรายงานผลกำไรประจำไตรมาสที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดในระยะสั้น Amazon (NASDAQ:AMZN) ExxonMobil (NYSE:XOM) และ Goldman Sachs (NYSE: GS) แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในเดือนเมษายน

วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสิ่งที่ทำให้บริษัททั้งสามกลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นประจำเดือนนี้ของเรา

1. Amazon

• ราคาตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงปัจจุบัน: +18.7%

• มูลค่าตลาด: 1.87 ล้านล้านดอลลาร์

หุ้น Amazon (NASDAQ:AMZN) สิ้นสุดเซสชั่นในวันพฤหัสบดีที่ 180.38 ดอลลาร์ ใกล้กับระดับสูงสุดตลอดกาลในเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ 188.65 ดอลลาร์ ด้วยมูลค่าประเมินที่ 1.87 ล้านล้านดอลลาร์ บริษัทอีคอมเมิร์ซและคลาวด์ยักษ์ใหญ่จากซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับที่ 5 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ

หุ้นมีประสิทธิภาพเหนือกว่าตลาดโดยรวมอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 80%

ที่มา: InvestingPro

แม้จะมีการฟื้นตัวที่น่าประทับใจ แต่การประเมิน 'มูลค่ายุติธรรม' ในปัจจุบันบ่งชี้ว่าหุ้นมีราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง โดยแบบจำลองของ InvestingPro คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในปัจจุบันจะมี upside ถึง 2% ขณะที่นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีทประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้น 14% เป็นประมาณ 206 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ตัวกระตุ้นในเดือนเมษายน: Amazon มีกำหนดการณ์จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน เวลา 16.00 น. ET และฝ่ายขายก็มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม

ประมาณการรายได้ได้รับการแก้ไขถึง 22 ครั้งในช่วง 90 วันก่อนการรายงาน จากข้อมูลของ InvestingPro เมื่อเทียบกับการลดลงที่เป็นศูนย์ เนื่องจากวอลล์สตรีทมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี

ที่มา: InvestingPro

ฉันทามติคาดว่า Amazon จะประกาศกำไรต่อหุ้นที่ 0.85 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 170% จากกำไรต่อหุ้นที่ 0.31 ดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2023 เนื่องจากบริษัทได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม รวมถึงการลงทุนในระบบอัตโนมัติ ซึ่งคาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพการดำเนินงาน

รายรับคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 142.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง อีคอมเมิร์ซ และโฆษณา

ProTips Headwinds: ProTips ของ InvestingPro พุ่งเป้าไปที่แนวโน้มของ Amazon โดยเน้นย้ำถึงตำแหน่งที่ดีในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและคอมพิวเตอร์คลาวด์ ซึ่งช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากโมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นและการเติบโตของผลกำไรที่แข็งแกร่ง

ที่มา: InvestingPro

เมื่อคำนึงถึงเงื่อนไขทั้งหมด Amazon ถือเป็นโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจในเดือนเมษายน โดยหุ้นของบริษัทมีแนวโน้มที่จะทะลุระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนต่อ ๆ ไป

2. ExxonMobil

• ราคาตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงปัจจุบัน: +16.3%

• มูลค่าตลาด: 461.2 พันล้านดอลลาร์

หุ้นของ ExxonMobil (NYSE:XOM) ปิดที่ 116.24 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ สูงกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 120.70 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 28 กันยายน บริษัท 'Big Oil' ในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส มีมูลค่าตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 461.2 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 14 ที่ซื้อขายใน NYSE

หุ้นเพิ่มขึ้นถึง 16.3% นับตั้งแต่ต้นปี 2024 แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Chevron (NYSE:CVX) (+5.7%) Shell (LON:SHEL) (+ 1.9%) และ BP (NYSE:BP) (+6.4%) ในระยะเวลาเดียวกัน

ที่มา: InvestingPro

เป็นที่น่าสังเกตว่าแบบจำลองเชิงปริมาณใน InvestingPro ชี้ไปที่หุ้น XOM ที่เพิ่มขึ้น 6.7% จากราคาปิดของวันพฤหัสบดี ซึ่งนั่นจะทำให้หุ้นเข้าใกล้เป้าหมายราคา 'มูลค่ายุติธรรม' ที่ 124.08 ดอลลาร์มากขึ้น

แรงหนุนในเดือนเมษายน: ในการคาดการณ์ของเรา XOM ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดีที่สุดสำหรับการถือครองในเดือนนี้ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่ดี

ExxonMobil คาดว่าจะรายงานผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสแรกก่อนเปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 26 เมษายน เวลา 6.30 น. ET

ที่มา: InvestingPro

ฉันทามติประมาณการว่าบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากเมืองเออร์วิงก์ รัฐเท็กซัส จะประกาศผลกำไรที่ 2.14 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากรายรับ 78.56 พันล้านดอลลาร์

ProTips Headwinds: ProTips มองเห็นภาพสถานะทางการเงินของ Exxon ในภาวะกระทิงเป็นส่วนใหญ่ ดูจากงบดุลที่แข็งแกร่งและระดับกระแสเงินสดอิสระที่สูง นอกจากนี้ยังมีการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างถูก

ที่มา: InvestingPro

ProTips ยังกล่าวอีกว่าบริษัทได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลประจำปีเป็นเวลา 41 ปีติดต่อกัน ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการคืนทุนให้กับผู้ถือหุ้น

ที่มา: InvestingPro

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันและก๊าซแห่งนี้เสนอปันผลประจำไตรมาสที่ 0.95 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งหมายถึงการจ่ายเงินปันผลรายปีที่ 3.80 ดอลลาร์ โดยมีอัตราผลตอบแทน 3.27%

ExxonMobil คืนเงินให้กับผู้ถือหุ้นถึง 32.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 ผ่านการจ่ายเงินปันผล 14.9 พันล้านดอลลาร์ และการซื้อหุ้นคืน 17.4 พันล้านดอลลาร์

3. Goldman Sachs

• ราคาตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงปัจจุบัน: +8.3%

• มูลค่าตลาด: 143.2 พันล้านดอลลาร์

หุ้น Goldman Sachs (NYSE:GS) ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 417.69 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ 426.16 ดอลลาร์ บริษัทยักษ์ใหญ่จากนิวยอร์กมีมูลค่าตลาดที่ 143.2 พันล้านดอลลาร์

จนถึงตอนนี้หุ้นเพิ่มขึ้น 8.3% ในปี 2024 หลังจากทำกำไรเพิ่มขึ้นถึง 12.3% ในปี 2023

ที่มา: InvestingPro

เป็นที่น่าสังเกตว่า Goldman Sachs ดูเหมือนจะถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินไปในเดือนเมษายนตามแบบจำลองการประเมินมูลค่าใน InvestingPro ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการ upside ที่ 9.7% จากมูลค่าตลาดปัจจุบันเป็นประมาณ 458 ดอลลาร์ต่อหุ้น

แรงหนุนในเดือนเมษายน: Goldman Sachs มีกำหนดเผยแพร่รายงานประจำไตรมาสแรกก่อนตลาดเปิดในวันอังคารที่ 16 เมษายน เวลา 7.30 ET

ตัวเลขน่าจะได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในหน่วยวาณิชธนกิจหลักและธุรกิจบริการบริหารความมั่งคั่ง รวมถึงการฟื้นตัวของการทำข้อตกลงและกิจกรรม IPO

ที่มา: InvestingPro

ดังที่เห็นข้างต้นวอลล์สตรีทมองเห็นว่า Goldman Sachs มีรายได้ 8.87 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากกำไรต่อหุ้นที่ 8.79 ดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ขณะเดียวกันรายรับคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบแบบรายปีเป็น 13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งด้านวาณิชธนกิจและรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้

จะสังเกตเห็นว่า Goldman ถูกมองว่าเป็นผู้ที่พึ่งพาวาณิชธนกิจและรายได้จากการซื้อขายมากที่สุดในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ของวอลล์สตรีท

ProTips Headwinds: ดังที่ ProTips ชี้ให้เห็น Goldman Sachs อยู่ในสภาพทางการเงินที่มั่นคง ต้องขอบคุณงบดุลที่เก่าแก่และแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง

ที่มา: InvestingPro

ProTips ยังกล่าวอีกว่า Goldman จ่ายเงินปันผลประจำปีเป็นเวลา 26 ปีติดต่อกัน และได้เพิ่มขึ้นในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากระดับกระแสเงินสดอิสระที่เพิ่มขึ้น

บริษัทเสนอการจ่ายเงินต่อปีที่ 11.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยมีอัตราผลตอบแทน 2.63%

ที่มา: InvestingPro

ลอง InvestingPro ตรวจสอบของตลาดและเป้าหมายในการลงทุนของคุณ

สำหรับผู้ที่อ่านบทความนี้เราจะมีส่วนลดพิเศษอีก 10% สำหรับการสมัครแบบ 1 ปีและ 2 ปี โดยกรอกโค้ด PROTIPS2024 (1 ปี) และ PROTIPS20242 (2 ปี)

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้ ไม่พลาดโอกาสในการลงทุนอีกต่อไป

Disclaimer: มุมมองที่กล่าวถึงในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน