วันนี้จะเป็นวันทำการแรกที่ตลาดหุ้นไทยจะขยายระยะเวลาซื้อขาย จาก 270 นาที/ วัน เป็น 300 นาทีต่อวัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็สร้างความคาดหวังว่าน่าจะทำให้ TURNOVER ของตลาดหุ้นไทยปรับสูงขึ้นน เป็นผลดีต่อทิศทางตลาด อย่างไรก็ ตามหากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานยังไม่เห็นแรงกระตุ้นใหม่ๆ โดย ประเด็นที่อยู่ในการติดตามเป็นเรื่องงบประมาณปี 2567 ซึ่งสัปดาห์นี้จะเป็นหน้าที่ ของวุฒิสภาในการพิจารณาซึ่งคาดว่าจะสามารถผ่านออกมาได้ และนำขึ้น ทูลเกล้าฯ ในช่วงต้นเดือน เม.ย.67 ส่วนมุมเรื่องทิศทางดอกเบี้ย ประเมินจากท่าที ของ ธปท. ก็เห็นว่ายังไม่ชัดเจน กล่าวคือดูเหมือนจะไม่กังวลต่อผลที่จะเกิดขึ้นกับ ค่าเงินบาท แต่ในอีกทางหนึ่งก็เห็นว่าภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มเข้ารูปเข้า รอยในเดือน ก.พ.67 ทั้งนี้ค่าเงินบาทช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่ามาสู่ระดับ 36.35 บาท/USD ซึ่งไม่เอื้อต่อการที่FUND FLOW จะไหลกลับเข้ามา
แม้จะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการขยายระยะเวลาการซื้อขายเพิ่ม 11.11% แต่ ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานก็ยังไม่มีประเด็นขับเคลื่อนที่มีน้ำหนัก SET INDEX อยู่ ในกรอบ 1376 –1390 จุด TOP PICK เลือก BGRIM, MTC และTASCO
เงินเอเชียอ่อนค่า บ่งชี้ภาพ FUND FLOW ไม่กล้าไหลเข้า
ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงฟื้นตัวได้ช้า จากปัญหาภาคอสังหาฯ ที่ซบเซา บวกกับภาคการลงทุนที่ชะลอตัว สะท้อนจากตัวเลข FDI จีนในเดือน ม.ค.-ก.พ. 67 หดตัว 19.9%YOY ซึ่งเป็นการติดลบมากสุดเป็นประวัติการณ์ ในอีกแง่มุมหนึ่ง รัฐบาลจีนได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดย PBOC ส่งสัญญาณ เดินหน้านโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น และได้ปรับลดอัตราแลกเปลี่ยนลง
ภาวะข้างต้นส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่ามากสุดในรอบ 4 เดือน กดดันค่าเงินในภูมิภาค เอเชียอ่อนค่าตามไปด้วยช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นำโดยญี่ปุ่น -1.49%WTD ฟิลิปปินส์-1.3%WTD และไทย -1.08%WTD ซึ่งอาจทำให้ FUND FLOW มีแนวโน้ม ไหลออกได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 36.37 บาท/USD แต่ยังมี หุ้นบางกลุ่มที่ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว อาทิ ภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออก ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ของเดือน ก.พ. 67 ในวันที่ 26 มี.ค.นี้เวลา 10.00 น. โดย CONSENSUS คาดว่าจะ เห็นภาพการส่งออกบ้านเรา +4.3%YOY เชื่อว่าจะเป็นบวกต่อ TU ITC CPF KCE HANA STA NER , AOT (BK:AOT) CENTEL ERW
สรุป ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนค่า กดให้ FUND FLOW มีแนวโน้มไหลออก อย่างไร ก็ตามยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว อาทิ ภาคการ ท่องเที่ยว และภาคการส่งออก ดีต่อ AOT ERW CENTEL TU ITC CPF
ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มชั่วโมงการซื้อขายวันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าซื้อขายต่อวันเบาบางลงต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีมูลค่าซื้อขาย เฉลี่ย 8.8 หมื่นล้านบาท, ปี 2565 มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 7.1 หมื่นล้านบาท, ปี 2566 มี มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 5.1 หมื่นล้านบาท และปี 2567YTD 4.4 หมื่นล้านบาท
ขณะที่วันนี้จะเป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มชั่วโมงซื้อขายตอนบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที เป็น 13.30 น. (ช่วงเช้าชั่วโมงซื้อขายเวลาเดิม)รวมชั่วโมงซื้อขายใน 1 วันเพิ่มขึ้นจาก 4 ชั่วโมงครึ่ง เป็น 5 ชั่วโมง (เพิ่มขึ้น 11.11%) ซึ่งเข้าใกล้ตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ที่บาง ประเทศมีชั่วโมงซื้อขาย 6 –7 ชั่วโมง
ประเด็นนี้น่าจะช่วยชดเชยสภาพคล่องที่น้อยลงต่อเนื่องให้ดีขึ้น แต่ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า จะผลักดันให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้นได้ดี อย่างน้อยต้องมีมูลค่าซื้อขายต่อวันสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท (หรือมี TURNOVER > 70% ของมูลค่าซื้อขายต่อปี) ดัชนีจึงจะช่วย หนุนดัชนีให้มีโอกาสขยับตัวขึ้นได้ดี ซึ่งอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยได้ คือ การปรับลดดอกเบี้ย เพราะ ปกติเวลาดอกเบี้ยลดลง 0.25% จะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นได้ราว 3 – 4 พันล้านบาทต่อวัน
สรุป การเพิ่มชั่วโมงซื้อขายน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยชดเชยสภาพคล่องได้ในระดับ หนึ่ง แต่ในระยะถัดไป ถ้ามีการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องก็จะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายสูงขึ้น ได้อีก และอาจเพียงพอต่อการพยุงดัชนี รวมถึงช่วยผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
นโยบายการเงิน-การคลังที่ดูดีขึ้น(PART 2) ชอบหุ้นกลุ่ม ก่อสร้าง เช่าซื้อ
นโยบายการเงิน-การคลังที่มีแนวโน้มดูดีขึ้นในอนาคต จึงทำฝ่ายวิจัยฯคาดว่า SET INDEX จะมีความผันผวนน้อยลง และแข็งแกร่งกว่าตลาดฯหุ้นอื่นๆ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• นโยบายการเงิน ธปท.กล่าวกับสำนักข่าว BLOOMBERG ว่ากำลังทบทวน อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมของไทย เนื่องจาก งบประมาณปี 67 ที่ล่าช้า อาจกก ระทบต่อ GDP GROWTH 0.8% โดยมองภาคการท่องเที่ยว + การบริโภค เป็นแรงหนุนหลักของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเฉพาะกิจของ รัฐ (SFI) เสนอแนะให้ 7 แบงก์ของรัฐฯลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นให้ กนง. และ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆลดดอกเบี้ยตาม เพื่อช่วยเหลือประชาชนและ ผู้ประกอบการ ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้โอกาสที่การประชุม กนง.ในเดือน เม.ย.67 จะลดดอกเบี้ยมีสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนให้ TARGET SET ขยับขึ้น อย่างมีนัยฯ
• นโยบายการคลัง สภา โหวตเห็นชอบ ผ่านร่างงบประมาณ 67 แบบไม่พลิกโผ (เห็นด้วย 298 เสียง, ไม่เห็นด้วย 166 เสียง,งดออกเสียง และไม่ลงคะแนนอย่าง ละ 1 เสียง) ซึ่งกระบวนการถัดไป คือ วุฒิสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบฯ ปี พ.ศ. 2567วันที่ 25-26 มี.ค.67 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำร่างพระราชบัญญัติงบฯ พ.ศ. 2567 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศ บังคับใข้เป็นกฎหมายต่อไป วันที่ 3 เม.ย.67 ทำให้คาดมีเม็ดเงินลงสู่ระบบ เศรษฐกิจในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ขณะที่นโยบาย DIGITAL WALLET 10,000 บาท นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ รมช.คลัง จะแถลงข่าวถึงความคืบหน้า ของนโยบายดังกล่าวที่อาคารรัฐสภา
ครม.ไฟเขียวปรับปฏิทินงบฯ 67 เร็วขึ้น 2 สัปดาห์ เร่งดันเม็ดเงินลงเศรษฐกิจ
สรุป นโยบายการเงิน-การคลังที่ดูดีขึ้นในอนาคต หนุน SET INDEX OUTPERFORM ระยะกลาง-ยาว และเป็นหนึ่งในปัจจัยให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลกลับได้ ส่วนหุ้นที่ คาดว่าจะได้ประโยชน์ และมีกระแสการเก็งกำไรเกิดขึ้นได้ คือ หุ้นกลุ่มก่อสร้าง และ เช่า ซื้อ อาทิ TASCO SCCC, STEC CK UNIQ NWR, MTC SAWAD TIDLOR เป็นต้น ส่วนหุ้น TOPPICKS คือ TASCO, MTC และหุ้นรับหน้าร้อน BGRIM
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities