🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

ทิศทางดอกเบี้ย สหรัฐฯ ชัด ... รอวัดใจ กนง. 

เผยแพร่ 21/03/2567 09:34
SETI
-

ดูFED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50% ขณะที่ให้ทิศทางดอกเบี้ย ชัดเจนขึ้นโดยคาดว่าจะปรับลดในปี 2567 และ 2568 ปีละ 3 ครั้ง โดยตลาดเชื่อว่า น่าจะเห็นการปรับลดครั้งแรกในเดือน มิ.ย.67 (FED WATCHTOOL แสดงความ น่าจะเป็น 70.8%) พร้อมกันนี้ได้มีการปรับลดคาดการณ์GDP ปี 2567 ขึ้นจาก 1.4% มาเป็น 2.1% ความชัดเจนดังกล่าวหนุนให้BOND YIELD ปรับลดลง และ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้น ส่วนในบ้านเราล่าสุด กระทรวงการคลังออกมา เรียกร้องให้ กนง. พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง โดยให้เหตุผลว่า เห็นสัญญาณการชะลอตัวของกำลังซื้อ สำหรับมุมมองของเรา เชื่อว่าน่าจะเห็น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของบ้านเราในปี 2567 จำนวน 1 ครั้ง หรือ 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% โดยน่าจะปรับลดในการประชุมรอบเดือน เม.ย. หรือ อย่างช้า เดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นการประชุมวันเดียวกับ FED รอบถัดไป

SET INDEX น่าจะได้รับ SENTIMENT เชิงบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางก็ยังจะทำให้กรอบการเคลื่อนไหวแคบ ช่วง 1370 –1385 จุด หุ้น TOP PICK เลือก ADVANC, BGRIM และ BJC

FED ยังยืนยันลดดอกเบี้ยปีนี้...ถือเป็นผลดีกับสินทรัพย์เสี่ยง

วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องราว 0.9% -1.9% ส่วน BOND YIELD 2 ปี และ 10 ปี ของสหรัฐฯ ย่อตัวลงมาอยู่ที่ 4.6% และ 4.27% ตามลำดับ ขณะที่ DOLLAR INDEX อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 103.4 จุด สะท้อนเม็ดเงินที่ไหลออกจากสินทรัพย์ ปลอดภัย และเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

ภาวะดังกล่าวเป็นผลมาการประชุม FED ที่มีมติเป็นอกฉัณฑ์คงอัตราดอกเบี้ย นโยบายไว้ที่ระดับ 5.5% ตามคาด พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้ (DOT PLOT อยู่ที่ 4.6% เท่ากับคาดการณ์ครั้งก่อน) และ 3 ครั้งในปีหน้า (DOT PLOT เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% เนื่องจากเงินเฟ้อสูง) ทำให้กรอบเวลาการปรับลดดอกเบี้ยมี ความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม FED ยังคงต้องการเห็นหลักฐานเงินเฟ้อจะเข้าสู่ กรอบเป้าหมายที่ 2% อย่างยังยืน ก่อนจะตัดสินใจเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก

นอกจากนี้ FED ยังมีการปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษกิจต่างๆ ในปี 2567 ไม่ว่าจะเป็น GDP GROWTH สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น +2.1%YOY (เดิม 1.4%) รวมถึงดัชนีเงิน CORE PCE ขยับขึ้นเป็น +2.6%YOY (เดิม 2.4%) โดยประเมินว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 2% ในปี 2569

โดยหลังจากการประชุม FED ล่าสุด ส่งผลให้ FED WATCH TOOL กลับมาให้น้ำหนัก มากขึ้นเป็น 71% ที่จะเห็น FED มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ใน มิ.ย. 67

ขณะเดียวกันวานนี้มีรายงานตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษเดือน ก.พ. 67 ชะลอตัวลงแตะ 3.4%YOY ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.5%YOY ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หนุน ให้ BOE พิจารณาหั่นดอกเบี้ยในปีนี้ โดย BLOOMBERG CONSENSUS คาดว่า BOE จะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ ในเดือน ส.ค.67 และคาดว่า ECB จะปรับลด ดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ ในเดือน มิ.ย.67

สรุป เงินเฟ้อหลายประเทศที่ชะลอตัวลงมาเรื่อยๆ จนเข้าใกล้กรอบเป้าหมาย ช่วย หนุนให้ดอกเบี้ยโลกมีโอกาสสูงขึ้นที่จะเข้าสู่ขาลงในปีนี้ ซึ่งถือเป็นบวกต่อ FUND FULD ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงได้มากขึ้น

นโยบายการเงิน-การคลังที่ดูดีขึ้นในอนาคต หนุน SET INDEX OUTPERFORM ระยะกลาง-ยาว

มุมมอง ธปท.ลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หลังวานนี้ทั้งปลัดกระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ ได้แนะนำให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่า 2.50% โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยในขณะนี้ จะเข้ามาช่วย ประคองเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะซบเซา โดยล่าสุดการจัดเก็บรายได้รัฐบาล 4 เดือนแรกต่ำกว่าเป้าหมายมาก และเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน ว่าภาครัฐจะ เข้ามาช่วยประคองเศรษฐกิจ หากปล่อยให้เศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่อง ทำให้การ ใช้ทรัพยากรทางการเงินเพื่อดึงดึงเศรษฐกิจให้กลับคืนมา จะต้องใช้เงิน มากกว่าปัจจุบัน

• เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาสะท้อนถึง ปัญหาที่อยู่ในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย คือ หนี้ที่สูงโดยเฉพาะภาคครัวเรือน และผู้ประกอบการ SME ซึ่งที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อ กระตุ้นภาคท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศไปมากแล้ว จึงถึงช่วงเวลาที่ ต้องใช้มาตรการทางการเงินเข้ามาช่วยเศรษฐกิจ

ซึ่งกระแสเรียกร้องดังกล่าว อาจทำให้ค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่าช่วงสั้น อย่างไร ก็ตามระยะถัดไป การลดดอกเบี้ยจะเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง และช่วย ดึงให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่ ตลาดคาดหวังไว้หรือไม่

ส่วนนโยบายการคลังก็ดูดีขึ้นเช่นกัน หลังที่ประชุมครม.มีมติรับทราบการปรับวัน พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เร็วขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ โดย สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบฯ ปี พ.ศ. 2567 วาระที่ 2-3 เดิมกำหนดวันที่ 3-4 เม.ย.67 เป็นวันที่ 20-22 มี.ค.67และคาด จะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ ในบทวิเคราะห์ MARKET TALK 28 ก.พ.67)

สรุป นโยบายการเงิน-การคลังที่ดูดีขึ้นในอนาคต หนุน SET INDEX OUTPERFORM ระยะกลาง-ยาว และเป็นหนึ่งในปัจจัยให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลกลับได้ หลังจาก ตัวเลขเศรษฐกิจดูดีขึ้นในอนาคต ส่วนวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวในกรอบ 1370- 1385 จุด

หวัง SET รีบาวน์หลังลบมา 4 วันติด

วานนี้SET INDEX ย่อตัวลง 9.28 จุด มาอยุ่ที่ 1373.18 จุด ส่งผลให้ 4 วันที่ผ่านมา SET ลดลงมาแล้ว 22 จุด ส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อลดความ เสี่ยง รอดูทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในคืนที่ผ่านมา ว่า DOT PLOT จะ เหลือการลดดอกเบี้ยจาก 3 ครั้งเป็น 2 ครั้งในปีนี้หรือไม่?

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมาดีกว่าคาด คือ FED ยังยืนว่าจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ จาก 1.4%เป็น 2.1% ขณะที่ ในประเทศความคืบหน้าของการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ใกล้เข้ามา น่าจะผ่านวาระ 2 และ 3 ได้ในวันที่ 22 มี.ค. 67 และมุมมองจากสำนักเศรษฐศาสตร์หลายแห่ง เริ่ม คาดว่า กนง. เองก็มีโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงกลาง เม.ย. 67 นี้

น่าจะหนุนให้ FUND FLOW ต่างชาติที่ไหลออก 4 วันติด กว่า 4.1 หมื่นล้านบาท (แต่ หากหัก ยอด BIG LOT AWC-F 2 วัน กว่า3.59 หมื่นล้านบาท จะเหลือต่างชาติขาย สุทธิ 5.47 พันล้านบาท) ให้กลับมาซื้อสุทธิได้บ้าง

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำสะสมหุ้นอิงการเบิกจ่ายภาครัฐที่ใกล้เข้ามา TASCO, SCCC, BJC, ADVANC หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง MTC, TIDLOR หุ้นได้ ประโยชน์บาทแข็ง BGRIM GULF

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย