- หุ้น EV รวมถึง Tesla และ BYD ปรับลดลงในปีนี้เนื่องจากดัชนีทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
-
นี่เป็นช่วงเวลาที่แนวโน้มระยะกลางสำหรับบริษัท EV ดูสิ้นหวัง
-
จากทั้งสองบริษัททางไหนถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในอนาคต
-
ทำให้การลงทุนปี 2024 เป็นเรื่องง่ายด้วย ProPicks เครื่องมือเลือกหุ้นด้วย AI เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่>>
-
ProPicks: พอร์ตหุ้นที่ใช้การจัดการแบบผสมผสานระหว่างความแม่นยำของ AI และความเชี่ยวชาญของมนุษย์ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากลยุทธ์การลงทุนทั่วไป
-
ProTips: กลยุทธ์มากมายที่ทำให้การวิเคราะห์หุ้นนั้นง่ายขึ้นสำหรับคุณ
-
Exclusive pro news: ทันข่าวก่อนใครเพื่อให้คุณเป็นผู้นำในตลาด
-
Fair Value and Health Score: เปรียบเทียบหุ้นแบบรวดเร็วทำให้คุณมองเห็นทั้งศักยภาพและความเสี่ยงของหุ้นแต่ละตัวได้ในทันที
-
Advanced stock screener: ค้นหาหุ้นที่ดีที่สุดตามความคาดหวังของคุณ โดยคำนึงถึงข้อมูลชี้วัดและสถิติทางการเงินกว่าหลายร้อยรายการที่มีอยู่ใน InvestingPro
-
Historical data for thousands of metrics on tens of thousands of global stocks: สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการวิเคราะห์และสามารถเจาะลึกรายละเอียดทั้งหมดได้ด้วยตนเอง
-
และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย สมัครเลยที่ InvestingPro
แม้ว่าตลาดหุ้นจะแตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดเวลาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่หุ้นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรวมถึง Tesla (NASDAQ:TSLA) และ BYD (OTC:BYDDF) กลับล้มเหลวในการสร้างความประทับใจ
หุ้น Tesla ลดลง 2.35% ปิดที่ 176.5 ดอลลาร์ในวันพุธ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันหุ้นของ Tesla ลดลงถึง 29% และลดลงเกือบ 6% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
ในทำนองเดียวกัน BYD ขาดทุนถึง 10.8% นับตั้งแต่ต้นปี 2024 และลดลง 11.7% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ในทางตรงกันข้าม S&P 500 มีการเติบโตถึง 7% นับตั้งแต่ต้นปี และเพิ่มขึ้นถึง 28% จากปีที่ผ่านมา
เมื่อพิจารณาถึงประสิทธิภาพที่ต่ำของหุ้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวเลือกโปรดของนักลงทุน (ก่อนที่ "กระแส" AI จะดึงดูดความสนใจ) คำถามก็เกิดขึ้น: การปรับลดลงนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ หรืออาจจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด EV
ประการแรก ควรจะบอกก่อนว่าความกังวลที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ที่เป็นรูปธรรมกำลังส่งผลต่อแนวโน้มของภาคยานยนต์ EV โดยทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งมีผลกระทบต่อสินเชื่อรถยนต์ ทำให้ผู้บริโภคต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากต้นทุนการซื้อรถยนต์ประเภทนี้สูงขึ้น
และยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรอีก เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Tesla และ BYD ได้ลดราคาสินค้าลงอย่างมากเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อพยายามกระตุ้นยอดขาย
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่การวิจัยก็มีการเปิดเผยว่าเป็นที่ชัดเจนว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยานพาหนะไฟฟ้า เมื่อพิจารณาจากการก่อสร้างและห่วงโซ่อุปทาน นั้นไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดังที่คิดไว้ในตอนแรกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์การเติบโตของยอดขายในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.5% ในปี 2024 และ 12.5% ในปี 2025 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2027 (เทียบกับปี 2023)
ดังนั้นความอ่อนแอของหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันก็อาจจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ในส่วนที่เหลือของบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบผู้นำทั้งสองในกลุ่ม EV ได้แก่ Tesla และ BYD พร้อมภาพรวมบริษัทและแนวโน้มของพวกเขา โดยอิงตามข้อมูลและเครื่องมือจากแพลตฟอร์ม InvestingPro
Tesla กับ BYD สองบริษัท EV ที่มีภาพรวมต่างกัน
ประการแรก BYD แซงหน้า Tesla เป็นครั้งแรกในด้านของยอดขายประจำไตรมาสในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ด้วยยอดขายรถยนต์ 526,000 คัน เทียบกับ 484,500 คันสำหรับ Tesla
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งสองบริษัทจะดูเหมือนเป็นคู่แข่งกันโดยธรรมชาติในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ยังไม่ใช่คู่แข่งโดยตรง (ในตอนนี้)
แท้จริงแล้ว Tesla ให้ความสำคัญกับประเทศที่พัฒนาแล้วมากกว่า ในขณะที่ BYD นั้นแข็งแกร่งกว่าในประเทศที่กำลังพัฒนาโดยเฉพาะในเอเชีย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ารถยนต์ของ Tesla จะเป็นรถระดับราคาสูง แต่ BYD ก็เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ Tesla ทิ้งไว้ในกลุ่มระดับราคาเริ่มต้น
ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งคือ BYD ไม่เพียงแต่นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เนื่องจากบริษัทยังมีรถยนต์ไฮบริดอีกหลายรุ่นอีกด้วย ซึ่งในความเป็นจริง ในบรรดารถยนต์ของ BYD มากกว่า 3 ล้านคันที่ขายในปี 2023 มีเพียงครึ่งเดียว (1.6 ล้านคัน) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%
จากการเปรียบเทียบ Tesla ซึ่งขายเพียงรถยนต์ไฟฟ้า 100% ขายรถยนต์ได้ทั้งหมด 1.8 ล้านคันในปี 2023
ใครมีประวัติทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่า: Tesla หรือ BYD
การวิเคราะห์สถานะทางการเงินของหุ้นอาจเป็นกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อน และอาจจะซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบหุ้นสองตัว
แต่มันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเพราะตอนนี้เรามีเครื่องมือที่ทำให้การวิเคราะห์ของคุณนั้นง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายแม้จะเป็นนักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ก็ตาม สมัครเลย ProTips จาก InvestingPro
ProTips ได้สรุปข้อมูลทางการเงินจำนวนมากที่มีอยู่ใน InvestingPro สำหรับหุ้นแต่ละตัว ซึ่งมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่เข้าใจง่าย พร้อมด้วยสีที่มีความหมายชัดเจน (สีแดงสำหรับจุดอ่อน สีเขียวสำหรับจุดแข็ง) ทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของหุ้นได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งปรากฎว่า BYD มีจุดแข็งใน ProTips ถึง 9 รายการ และข้อมูลที่เป็นกลางใน ProTips อีก 2 รายการ ในขณะที่ Tesla มีจุดแข็งใน ProTips ที่ 8 รายการ แต่กลับมีจุดอ่อนใน ProTips มากกว่า 11 รายการ (และ 1 รายการที่เป็นกลาง)
ที่มา: InvestingPro
และ InvestingPro ยังมีอีกเครื่องมือหนึ่งบนแพลตฟอร์ม ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการวิเคราะห์หุ้นอย่างรวดเร็วคือ Financial Health Score ซึ่งพิจารณาข้อมูลชี้วัดทางการเงินที่สำคัญหลายประการซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัย
สรุปแล้ว BYD ทำได้ดีกว่า Tesla โดยคะแนนของ BYD อยู่ในเกณฑ์ "ดีมาก"
ที่มา: InvestingPro
คะแนนทางการเงินใน InvestingPro ของ Tesla แม้จะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ได้รับการจัดอันดับว่าดีน้อยกว่า BYD
ที่มา: InvestingPro
จากภาพรวมทางการเงิน BYD ดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่ดีกว่า Tesla อย่างน้อยก็ในปัจจุบัน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้หลังจากการเผยแพร่ผลประกอบการทางการเงินครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยในวันที่ 17 เมษายนสำหรับ Tesla และ 27 มีนาคม สำหรับ BYD
หุ้นตัวไหนมีศักยภาพในการปรับตัวขึ้นมากกว่ากัน
สำหรับหุ้น BYD ทางเราได้รับข้อมูลว่านักวิเคราะห์มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 41.32 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันมากกว่า 67.2%
การประเมินมูลค่าของ InvestingPro ซึ่งคำนวณแบบจำลองทางการเงินถึง 10 รูปแบบ โดยราคาของ BYD อยู่ที่ 33.92 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการเพิ่มขึ้นที่ต่ำกว่าตัวเลขของนักวิเคราะห์แต่ยังคงแข็งแกร่งมากที่ 37.3%
ที่มา: InvestingPro
สำหรับ Tesla นักวิเคราะห์ก็คาดการณ์แนวโน้มไปทางเชิงบวกเช่นกัน แต่ในระดับที่น้อยกว่ามากโดยเฉลี่ย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาเป้าหมายไว้ที่ 211.55 ดอลลาร์สำหรับ Tesla ซึ่งสูงกว่าราคาปิดในวันพุธที่ 19.8%
ที่มา: InvestingPro
การประเมินมูลค่าของ InvestingPro สำหรับ Tesla นั้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการปรับตัวขึ้นที่มีจำกัดได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นที่ 11.3% หรือ 196.40 ดอลลาร์
โดยสรุป
เบาะแสหลายประการชี้ให้เห็นว่าปัจจุบัน BYD เป็นเดิมพันที่ดีกว่า Tesla (มาก)
แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่อุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ประกอบกับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ราคา (และอัตรากำไร) ลดลง หมายความว่าหุ้น EV ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นเดิมพันที่มีความเสี่ยงในปี 2024
ถือเป็นโชคดีที่ตลาดนั้นมีความร้อนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีโอกาสที่ชัดเจนเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย และได้เติมเต็มกระเป๋าของนักลงทุนไปมากมายตั้งแต่ต้นปี
ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์การเลือกหุ้นของ Titans de la Tech ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 กลยุทธ์ของ ProPicks InvestingPro ที่มีผลตอบแทนมากถึง 20.8% ในเดือนกุมภาพันธ์เพียงเดือนเดียว
ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2023 กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้เราค้นพบหุ้น 2 ตัวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ซึ่งตั้งแต่นั้นมาหุ้น 2 ตัวนั้นก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์อยู่ตลอด
***
หากคุณอยากรู้ว่ากลยุทธ์ ProPicks และบริการอื่น ๆ ของเรานั้นเป็นยังไง สมัครเลยที่ InvestingPro โปรโมชั่นพิเศษ! หากคุณใส่โค้ด FRPROPICKS ในหน้าสมัครสมาชิกตอนนี้ รับไปเลยส่วนลด 10% (สามารถใช้โค้ดส่วนลดได้แค่การสมัครแบบ 1 ปี และ 2 ปี เท่านั้น)
เราจะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าหุ้นตัวไหนที่ควรซื้อและหุ้นตัวไหนที่ควรขายเพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รวมทั้งเคลื่องมืออำนวยความสะดวกอีกมากมายที่คุณกำลังจะได้สัมผัส
เครื่องมือของเราที่ได้พิสูจน์ประสิทธิภาพแล้วกับนักลงทุนหลายพันราย จะตอบสนองความคาดหวังของผู้ที่มองหาตัวช่วยและคำแนะนำแบบครบวงจร รวมถึงผู้ที่ต้องการวิจัยและเลือกหุ้นสำหรับการลงทุนในด้านที่คุณต้องการ
อย่าเผชิญหน้ากับตลาดเพียงลำพัง หาตัวช่วยให้กับตัวคุณเอง ให้เราได้เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจในตลาดได้อย่างถูกต้อง และทำให้การลงทุนของคุณได้เติบโตต่อไป
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นการชักชวน นำเสนอ แนะนำ หรือให้คำปรึกษาในการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีเจตนาที่จะจูงใจในการซื้อสินทรัพย์ในทางใดทางหนึ่ง โปรดทราบว่าสินทรัพย์ประเภทใดก็ตามจะได้รับการประเมินจากหลายมุมมองและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการตัดสินใจลงทุนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องจึงยังคงเป็นเรื่องของนักลงทุน