รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

SET ผันผวน แต่ก็ยังพยายามสร้างฐาน 

เผยแพร่ 10/11/2566 09:27

ตลาดหุ้นโลกและตลาดตราสารหนี้ขึ้นมาเยอะ วานนี้มีการถูกขายทำกำไรออกมา บ้าง หลังประธาน FED เผยการดำเนินนโยบายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง และไม่ ลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ยหากจำเป็น กดดัน BOND YIELD 2 ปีสหรัฐปรับขึ้นสูงกว่า 5%อีกครั้ง ส่วน SET INDEX วานนี้มีความผันผวนจากต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3.1 พันล้านบาท และมีการชอร์ต SET50 FUTURES ถึง 27,345 สัญญา รวมถึง ปริมาณ SHORT SELL สูงถึง 5.1 พันล้านบาท มีสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขาย 11.4% กดดันให้เกิดการย่ำฐานที่บริเวณ 1400 จุด ในช่วงสั้นๆ

แต่ในระยะถัดไปเชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสทยอยฟื้นขึ้นจาก VALUATION อยู่ใน โซนน่าสนใจ, กำไรที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามตัวเลขเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น และ การกระตุ้นเศรษฐกิจทยอยตามมา โดยล่าสุดมีการรายงานตัวเลขความเชื่อมั่น ผู้บริโภค เดือน ต.ค. 60.2 จุด (สูงสุดในรอบ 44 เดือน) ตัวเลขความเชื่อมั่นของ นักท่องเที่ยวสูงขึ้น และวันนี้เป็นวันแรกที่ฟรีวีซ่าให้ชาวอินเดียและไต้หวัน และที่ สำคัญที่สุดในวันนี้ คือ นักลงทุนรอจับตานายกฯ แถลงรายละเอียด FULL PACKAGE นโยบาย DIGITAL WALLET ในช่วง 14.00 น. ว่าบริษัทจดทะเบียน จะได้ประโยชน์จากประเด็นนี้หรือไม่?

ประเมิน SET INDEX ขยับตัวในกรอบ 1390 – 1415 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BJC, TU และ LH

ปัจจัยแวดล้อมยังทรงๆ หวังFULL PACKAGE กระตุ้น เศรษฐกิจจะเป็นแรงส่งให้ SET ดีด

วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงราว -0.7% ถึง -1.6% ด้วยแรง TAKE PROFIT หลังจากดีดตัวขึ้นมาแรงหลายวัน ขณะที่ BOND YIELD 10 ปี และ 2 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ 4.6% และ 5% ตามลำดับ เนื่องจากดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังมีโอกาสสูงขึ้น หากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบที่ 2 ซึ่งเป็นถ้อยแถลงของ ประธาน FED ในงานเสวนา 24TH JACQUES POLAK ANNUAL RESEARCH CONFERENCE ของ IMF ทั้งนี้FED WATCH TOOL ได้ปรับน้ำหนักการคงดอกเบี้ย ของ FED ในปลายปีนี้ลดลงเหลือ 85.5%

อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 พ.ย. รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ต.ค. โดย CONSENSUS คาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ 3.3%YOY

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเชื่อว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากมาตราการกระตุ้น เศรษฐกิจช่วยเหลือประชาชน โดยในช่วง 60 วันที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งดำเนินการ หลายนโยบาย อาทิ ลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมเหลือ 3.99 บาท/หน่วย, ลดน้ำมันเบนซิน / ดีเซล, ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย เป็นต้น

ขณะที่ระยะถัดไปยังมีอีกหลายมาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยใน วันนี้ (10 พ.ย.) เวลา 14.00 น. รอติดตามการแถลง FULL PACKAGE นโยบาย DIGITAL WALLET จากนายกฯ ซึ่งหากมีการชี้แจงรายละเอียดโครงการครบถ้วน ชัดเจนในทุกประเด็น เชื่อว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ กระแสข่าวเชิงบวกที่ออกมาในช่วงนี้ (ดังตารางด้านล่าง) น่าจะเป็นแรงหนุนต่อการไหล เข้าของ FUND FLOW ต่างชาติ

สรุป ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนน้อยลง จากปัจจัยแวดล้อมที่ยังทรงตัว ขณะที่ ปัจจัยภายในประเทศยังมีโอกาสหนุน SET ด้วยการเรียกความเชื่อมั่นของภาครัฐ ทั้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางดีขึ้น

ตลาดหุ้นไทยผันผวนมาก แต่ก็ยังมีเสน่ห์ เหมาะสำหรับนักลงทุน ระยะกลาง-ยาว

วานนี้ ก.ล.ต.และ SET ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดว่า ต่างชาติทำ SHORT SELL และ ALGO TRADING กดดันตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก โดยยืนยันว่าจาก การติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดไม่พบความผิดปกติของข้อมูลดังกล่าว ซึ่งมีข้อมูล สนับสนุน ดังนี้

การ SHORT SELL : ปริมาณการ SHORT SELL หุ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ และ มีสัดส่วนเพียง 5.6% มูลค่าซื้อขายทั้งหมด ใกล้เคียงกับปีก่อน อีกทั้งจากการศึกษา ข้อมูลในอดีตช่วงปี 2558-2563 การทำ SHORT SELL ไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง หรือมีความสัมพันธ์กับราคาหุ้นน้อยมาก โดยมีค่าสหสัมพันธ์ (CORRELATION COEFFICIENT) อยู่ที่ -0.06

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

นักลงทุนต่างชาติใช้ โปรแกรม HIGH FREQEUNCY TRADING (HFT) : ซึ่งเป็น ALGORITHM TRADING ซึ่งในปี 2565 มีสัดส่วนราว10%-15% ของปริมาณการซื้อ ขายทั้งหมด ไม่น่าจะสามารถควบคุมตลาดได้ แม้การใช้โปรแกรม HIGH FREQEUNCY TRADING (HFT) จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีสัดส่วน ราว 5%-10% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด ขณะที่หากพิจารณาในมุมเปรียบเทียบ กับประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีการใช้ HFT น้อยกว่าประเทศอื่นๆมาก อาทิ สหรัฐฯ 55% ยุโรป 39% เยอรมนี 35% ญี่ปุ่น 26% ออสเตรเลีย 25% เป็นต้น

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทย แม้จะผันผวนช่วงสั้น แต่ก็ยังมีเสนห์ปรับตัวขึ้นในอนาคต ใน หลายมุมมองนับจากนี้

การที่อัตราเงินเฟ้อเดือนล่าสุดชะลอตัวลงแรง อาจเป็นแรงส่งให้ กนง. ปิดประตู ดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ที่ระดับ 2.50% ซึ่งส่งผลดีต่อ SET INDEX ให้มี MEYG ที่สูงกว่า ประเทศอื่น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.8% (สูงกว่าหลายๆ ประเทศ) ดึงดูดเม็ดเงินจาก สินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าประเทศอื่นๆ ในเชิงเปรียบเทียบ

ขณะที่หากพิจารณา VALUATION ในเชิงอื่นๆ ถือว่ามีความน่าสนใจในหลายมุม อาทิ PER, PBV และ EPS GROWTH โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในมุมของ PER ระดับ SET INDEX ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1404.97 จุด มี TRAILING PE อยู่ ที่ระดับ 18.3 เท่า ขณะที่หากพิจารณาในมุม FORWARD P/E23F จะเหลือเพียง 15.8 เท่า อิง EPS23F ที่ 88.6 บาท/หุ้น และถ้าเป็น P/E24F จะเหลือเพียง 14.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย FORWARD P/E ในรอบ 10 ปี ที่ 18.8 เท่า

ในมุมของ PBV ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.37 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่มี VALUATION เท่าแนวรับ สำคัญทางพื้นฐาน คือ ระดับ -2SD ในรอบ 5 ปี พอดี ในมุมของ EPS GROWTH24F ซึ่งหากพิจารณาเทียบกับประเทศอื่นๆ ตลาดหุ้นไทยมี อัตราเติบโตที่โดดเด่นอยู่ที่ 12.6%YOY ซึ่งสูงกว่า EPS GROWTH24F ของหลาย ประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศฝั่งพัฒนาแล้ว อาทิ S&P500, HONG KONG, GERMANY, UNITED KINGDOM, FRANCE, JAPAN เป็นต้น

ในมุมกำไรงวด 3Q66 ของบริษัทจดทะเบียน มีโอกาสเพิ่มขึ้นทั้ง QOQ และ YOY โดย อ้างอิงจาก BLOOMBERG CONSENSUS ที่คาดการณ์ไว้ 161 บริษัท(MARKET CAP 83%) มีกำไร 2.5 แสนล้านบาท +32.5%QOQ / +36.1%YOY ซึ่งอาจเป็นอีก หนึ่งประเด็นที่ช่วยผลักดัน SET INDEX ปรับตัวขึ้นต่อได้

สรุป ตลาดหลักทรัพย์ และ กลต.เรียกความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยว่าไม่มีอะไรที่น่า กังวลและผิดปกติ ขณะที่ระยะถัดไปจะเป็น LEADING INDICATOR ภาวะเศรษฐกิจใน ประเทศที่กำลังจะฟื้นตัวด้วยซ้ำ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯมีความเห็นที่สอดคล้องเช่นกัน โดยมี ปัจจัยสนับสนุน คือ VALUATION SET INDEX ที่ยังน่าสนใจทั้งมุมของ PER, PBV, EPS GROWTH และ MARKET EARNING YIELD GAP ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถจำกัด DOWNSIDE และสร้างเสน่ห์ให้กับ SET INDEX ได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ในเชิงพื้นฐาน คาดการณ์กำไร 3Q66 ยังเติบโตทั้ง QOQ และ YOY จึงทำให้สามารถเก็บสะสมเพื่อหวัง ผลกำไรในระยะกลาง-ยาวได้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย