SET Index วานนี้ปรับตัวลดลงแรงอีกครั้ง เริ่มจากความกังวลเรื่องเงินบาทอ่อน ทะลุ 37 บาท/USD ตามด้วยราคาน้ำมันที่ปรับลง และแรงเหวี่ยงตามกลไกตลาด ทั้งนี้ประเมินนว่าภาวะความผันผวนและแกว่งตัวลดลงของ SET Index ยังไม่จบลง โดยวันนี้อาจมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงแรง อย่างไรก็ตามใน ระยะถัดไปมองว่ายังมีโอกาสที่จะเห็นการสร้างฐานและปรับตัวขึ้นได้แรงขับเคลื่อน มาจาก Valuation ของตลาดหุ้นบ้านเราที่น่าดึงดูดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ทั้งนี้มองผ่าน Market Earinig Yield Gap ที่ยังกว้างกว่า 3% เทียบกับ Nasdaq ที่ติดลบ ส่วนเงินบาทที่ปัจจุบันอ่อนค่าต่ำกว่า 37 บาท/USD เชื่อว่าน่าจะค่อยๆ เห็นพัฒนาการทางบวก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะเห็นชัดเจนตั้งแต่ 2H66และต่อเนื่องในปี 2567 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีผลในทางปฎิบัติ
เชื่อว่า SET Index ยังอยู่ในภาวะที่ผันผวนต่อ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ ช่วง 1430 – 1460 จุด การฟื้นตัวระยะสั้นยังเกิดได้ยาก สำหรับหุ้น Top Pick วันนี้เลือก ADVANC, COM7และ PLANB
Bond Yield สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรง หนุน Dollar Index แข็งค่า กดดันค่าเงินประเทศอื่นๆอ่อนลง
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงทุกดัชนี ทั้ง Dowjones S&P และ Nasdaq ราว 1.3%-1.9% หลังนักลงทุนกังวลว่า Fed มีโอกาสที่จะใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุก ต่อไป โดยมีปัจจัยสนับสนุน 2 ประเด็น คือ
1. สหรัฐเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสูงกว่าคาด ในเดือนส.ค.66 อยู่ที่ 9.6 ล้าน ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 8.8 ล้านตำแหน่ง และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 8.9 ล้าน ตำแหน่ง โดยตัวเลข JOLTS ที่ดีกว่าคาด บ่งบอกถึง ภาวะตลาดแรงงานยังดี อยู่
2. Bond Yield สหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นทั้ง Yield Curveโดยพิจารณา Bond Yield 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีอยู่ระดับ 4.80% ซึ่งสอดคล้องกับ ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า Fed จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีก 1 ครั้งในปีนี้ซึ่งหากพิจารณา Fed Watch Tool จะเห็นได้ว่า ความน่าจะ เป็นที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5.75% ในการประชุมรอบถัดไปสูงขึ้น จาก 20% สู่ 35%
ด้วย 2 ประเด็นดังกล่าว หนุนให้ Dollar Index แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา และหนุนให้ค่าเงิน ประเทศอื่นๆอ่อนตามไปด้วย รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่ากว่า 5.3% ในช่วง 1 เดือนที่ ผ่านมา อยู่ระดับ 37.12 บาท/เหรียญฯ (อ่อนค่าสุดรอบ 11 เดือน) กดดัน Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลออกจากประเทศไทยในช่วงสั้น ทั้งตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้น
สรุป 2 ปัจจัยสนับสนุนให้ FED มีโอกาสใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกต่อไป หนุน Dollar Index แข็งค่า และทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าในช่วงสั้น โดยกรอบการเคลื่อนไหว คาดอยู่ในกรอบ 37.00 – 37.50 บาท/เหรียญฯ
แม้เงินบาทจะผันผวนในช่วงนี้ แต่ยังหวังเห็นการแข็งค่าจาก เศรษฐกิจไทยที่ไม่ได้ดูแย่
เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้วานนี้วิ่งทะลุ 37 บาท/USD ซึ่ง อ่อนค่ามากสุดรอบ 11 เดือน โดยสาเหตุหลักมาจากความกังวลที่เพิ่มขึ้น ทั้ง Dollar แข็งค่า รวมถึงฐานะทางการคลังของไทยจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้น เศรษฐกิจให้ GDP Growth โตตามเป้าหมายที่ 5%YoY ซึ่งจำเป็นต้องใช้เม็ดเงิน มหาศาล
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในสถานะที่ดีกว่าเมื่อ เทียบกับช่วงที่เงินบาทเดินหน้าอ่อนค่าแตะ 38 บาท/USD (ม.ค. 64 – ต.ค. 65) ใน หลายจึงเชื่อว่าจะช่วยลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ในระยะถัดไป โดยส่วน หนึ่งสะท้อนได้จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลในช่วงดังกล่าว ขณะที่ล่าสุดยังเห็น สัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้เสถียรภาพทางการเงินในบ้านเราล่าสุด จากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับในอดีต อีกทั้งหนี้ครัวเรือนใน 2Q66 ยังอยู่ใน ระดับต่ำกว่าช่วงที่เงินบาทเร่งตัวอ่อนค่า
สรุป เงินบาทที่เร่งอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Dollar แข็งค่า รวมถึง ความกังวลฐานะทางการคลังของไทย อย่างไรก็ตามการอ่อนค่าดังกล่าวเชื่อว่าจะ เป็นค่วมผันผวนในช่วงสั้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน ถือว่าไม่ได้ แย่เมื่อเทียบกับช่วงที่เงินบาทเดินหน้าอ่อนค่าแตะ 38 บาท/USD (ม.ค. 64 – ต.ค. 65) ซึ่งน่าจะเห็นการแข็งค่าของเงินบาทได้หลังจากนี้
บาทอ่อนแรงFlow ชะลอเข้าหุ้นไทยช่วงสั้น
แรงกดดันจากค่าเงินบาทอ่อน Bond Yield สหรัฐสูงขึ้น เย้ายวนให้ต่างชาติขายหุ้น ไทย และในปีนี้มีการขายสะสมสุทธิมาแล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาท (ytd) ส่งผลให้ SET Index ปรับฐานลงมา อยู่ที่ 1445 จุด หลุดจุดต่ำสุดในช่วงก่อนหน้าที่ 1461 จุด และ ทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 10 เดือน
ภายใต้ปัจจัยภายนอกกดดันสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทยที่ยังขาดเม็ดเงินใหม่หนุน ในช่วงนี้ พร้อมกับสภาพคล่องตลาดที่ต่ำ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน อยู่ในช่วงสั้น แต่ในมุม Valuation ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมี Earning Yield ที่ระดับ 6.1% สูงกว่าสหรัฐที่ 2.1% ยังคาดว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลกลับเข้ามาหนุนในระยะ ถัดไป หากตลาดหุ้นไทยย่อมาเยอะยังถือเป็นโอกาสในการสะสม กลยุทธ์การลงทุนใน ยามที่ตลาดยังขาด Fund Flow หนุน ยังคงแนะนำถือเงินสดบางส่วนราว 20% และ ทยอยสะสมหุ้น เพื่อหวังผลระยะกลางถึงยาวเป็นหลัก จุดที่สะสมหุ้นเพิ่มแนะนำช่วง ค่าเงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า หรือ Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นอีก ครั้ง สำหรับหุ้นเด่นรอสะสม แนะนำหุ้นพื้นฐานที่กราฟเทคนิคไม่เสีย และยังมี Momentum แข็งแรงกว่าตลาด
ส่วนวันนี้ประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1430 – 1455 จุด Toppick เลือก หุ้นพื้นฐานต่างชาติถือน้อยกว่า 6% อย่าง COM7, PLANB และหุ้นผันผวนต่ำ ADVANC
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities