ยิ่งเข้าใกล้วันประชุม กนง. (พรุ่งนี้) Bond Yield 1 ป๊ ก็ส่งสัญญาณ ที่น่ากังวลมาก ขึ้น โดยล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ 2.44% เทียบกับดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 2.25% ภาวะดังกล่าว บวกกับ Fund Flow ที่ไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ เพิ่มความน่าจะเป็นที่ กนง. อาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย และหากปรับขึ้น ดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะส่งผลกระทบถึงเป้าหมาย SET Index ซึ่งคำนวนด้วยวิธี Market Earning Yield Gap โดยหากปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ก็อาจทำให้ เป้าหมายดัชนีลดลงจากเป้าหมายเดิมราว 71 จุด ความท้าทายดังกล่าว ทำให้ เราต้องจับตามองการประชุมในวันพรุ่งนี้ ส่วนประเด็นอื่นที่ต้องติดตามคือการ ประชุม ครม. วันนี้ ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรประกาศออกมาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, การพักหนี้ ฯลฯ
การปรับฐานลงมาแรงพร้อม Fund Flow ไหลออกวานนี้ ถือเป็นสัญญาณเชิงลบ ทำให้การฟื้นตัวของ SET Index ต้องเผชิญกับอุปสรรคที่หนักขึ้น วันนี้คาดอยู่ใน กรอบ 1500 –1520 จุด Top Pick เลือก ADVANC, BBL และ TOP
ตลาดหุ้นเสี่ยงว้าวุ่น...หากดอกเบี้ยสูงขึ้น
วานนี้ตลาดหุ้นโลกค่อนข้างผันผวน โดย Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ พุ่งทำ New High ในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ ต.ค. 2007 จากความกังวลว่าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด หลังมีผู้ว่าการ Fed (มิเชล โบว์แมน) และประธาน Fed สาขาบอสตัน (ซูซาน คอลลินส์) ออกมาสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย หาก เงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลง
ด้วย Bond Yield ของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ Bond Yield 2 ปี สูงกว่า Earning Yieldของดัชนี S&P 500 ทำให้ MEYG สหรัฐฯ ติดลบ สะท้อนการลงทุนใน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความน่าสนใจน้อยลงได้
เมื่อเทียบผลต่างระหว่าง Bond Yield 2 ปี ของสหรัฐฯ และไทย พบว่ามี Gap ที่กว้าง มากขึ้น อีกทั้ง Bond Yield 1 ปีของไทย ล่าสุดอยู่ที่2.44% และ +25 bps. (mtd) ซึ่ง อาจเพิ่มความน่าจะเป็นต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยในการประชุม กนง. วันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) ได้เช่นกัน
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน กรณีที่ กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2.5% ดัชนี SET มีโอกาสย่อตัวลง 71 จุด อย่างไรก็ตามยังมองว่าตลาดตอบรับมาในระดับ หนึ่งแล้ว สังเกตได้จาก SET ที่ลดลง 69 จุด จากจุดยอดที่ 1579 จุด ช่วงปลายเดือน ส.ค.
สรุป Bond Yield ที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนถึงความกังวลว่าดอกเบี้ยนโยบายอาจ ยืนอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าคาด ทั้งนี้หาก กนง. ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย ต่อเนื่อง อาจกดดัน Target ของ SET Index ให้ลดลงได้อีก 71 จุด
วันนี้ ลุ้น มติ ครม.มีนโยบายอะไรเพิ่มเติม
หลังวานนี้เริ่มนโยบาย “วีซ่าฟรี" รับนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถานเข้าไทย วันนี้มีการ ประชุม ครม.เวลา 9.00 น. ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้านโยบายเพิ่มเติมของรัฐบาล เพื่อที่จะเร่ง GDP Growth ให้เข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 5% ซึ่งรายละเอียดมี ดังนี้
1. ลดค่าโดยสารสายสีแดง 20 บาทตลอดสาย ล่าสุดบอร์ด ร.ฟ.ท. อนุมัติแล้ว กระทรวงคมนาคม จะพิจารณาสัปดาห์นี้ แล้วเสนอ ครม. ในระยะถัดไป
2. ลดราคาสินค้าเกษตรกว่า 20 รายการเตรียมคุยผู้ประกอบการรายใหญ่ สัปดาห์นี้ เพื่อหาจุดสมดุล
3. Digital Wallet 10,000 บาท ได้ข้อสรุปเรื่องกรอบการทำงานและวิธีการใช้ งาน ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด (เริ่มโครงการได้ ภายใน 1 ก.พ. 67)
4. พักหนี้เกษตรกร 3 ปีเสนอ ครม. วันนี้
ขณะที่นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสู่ระดับ 400 บาท/วัน ต้องลุ้นว่าจะเข้า ครม. วันนี้หรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี ประกาศอย่างชัดเจนว่านโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สามารถทำได้จริง คาดเริ่มต้นปี 2567 ขณะที่รมว.แรงงาน ยืนยันว่าทำได้จริง แต่อาจจะ ไม่ได้ทั่วทั้งประเทศ และต้องจ่ายตามทักษะจริง (ซึ่งฝ่ายวิจัยฯจะนำเสนอในบทวิเคราะห์ Market Talk วันพรุ่งนี้ว่านโยบายดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มใดบ้าง และมาก น้อยเพียงใด)
ดังนั้น นโยบายส่วนใหญ่เน้นไปที่การช่วยเหลือประชาชน และ กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก คาดทำให้เศรษฐกิจโตได้ดีกว่าที่คาดไว้(ระดับเดิม คือ 2%-3%) โดยมีโอกาสสูงที่ GDP Growth ไทยจะโตระดับ 5% ในปี 2567 ดังที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งหากเป็น จริง ถือว่าเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นมาก เนื่องจากสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า หาก GDP ไทยช่วงปีที่โตมากกว่า 5% หนุน RETURN SET INDEX เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 37%( ข้อมูลตั้งแต่ปี 2543 – ปัจจุบัน) ซึ่งหากพิจารณาถึงกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ AGRI FIN TOURISM TRANS COMM FOOD เป็นต้น
สรุป ผลการประชุมครม.วันนี้ ลุ้นมีความคืบหน้านโยบายออกมามากขึ้น คาดเน้นไปที่ การช่วยเหลือภาคประชาชน ลดค่าครองชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก หนุนให้ เศรษฐกิจตั้งแต่ 2H66 เติบโตเป็นขั้นบันได คาดทำให้ SET Index สามารถ Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆได้ โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวในกรอบ 1500 - 1515 จุด
หากขึ้นดอกเบี้ยอีกกดดันให้สภาพคล่องหดหาย ตลาดมีโอกาส ผันผวนจากแรงซื้อขายมากขึ้น
ในเดือน ก.ย. Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดการเงินของไทย -4.72 หมื่น ล้านบาท (mtd) แบ่งเป็นการขายตราสารหนี้ -2.56 หมื่นล้านบาท (mtd) และขายหุ้น - 2.16 หมื่นล้านบาท (mtd)
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังมีความกังวลว่า กนง. มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.25% เป็น 2.5% ในรอบการประชุม 27 ก.ย. 66 นี้ สะท้อนได้จาก Bond Yield 1Y ไทย ขยับขึ้นมา +25 bps. (mtd) ล่าสุดอยู่ที่ 2.44%
ฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำการศึกษา มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทย กับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย พบว่า มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกัน คือ เวลาที่ดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้น มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลดลง จากสถิติในอดีตทุกๆ ดอกเบี้ยนโยบายที่ เพิ่มขึ้น 0.25% กดดันให้มูลค่าซื้อขายหายไปราว -4 พันล้านบาทต่อวัน หรือ Turnover หายไป -6.4% ต่อป
สรุปคือ หากมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในวันพรุ่งนี้ จะกดดันให้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยมี โอกาสเบาบางลง (คาดการลดลง 4 พันล้านบาทต่อวัน) และภายใต้ Fund Flow ที่ สลับซื้อขายหุ้นไทยหนัก ถือเป็นตัวแปรเพิ่มความผันผวนให้ตลาดหุ้นมากขึ้น ที่นัก ลงทุนต้องเตรียมรับมือ
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities