ประเด็นที่จะมีผลในการขับเคลื่อน SET Index ช่วงนี้ได้แก่ การแถลงนโยบายของ รัฐบาล เหตุที่เป็นจุดสนในก็เพราะหลายนโยบายสามารถสร้างความตื่นเต้น และ สร้างกระแสการเก็งกำไรในหุ้นหลายกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา แต่ในอีก มุมหนึ่งก็เห็นว่าการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจมี ผลกระทบต่อฐานะการเงินการคลังในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น การแจก Digital Wallet 10,000 บาท, ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, การปรับลดราคา น้ำมันดีเซล-ไฟฟ้า รวมไปถึงการพักหนี้ฯ ทั้งหมดนี้หากเกิดขึ้นได้จริงในระยะสั้น จะสร้างกระแสเก็งกำไรในหลายกลุ่มเช่น ค้าปลีก, สถาบันการเงิน, อาหาร, ท่องเที่ยว ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตามหากมีอุปสรรค ก็อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมา ได้ นอกจากนี้อาจต้องระวัง Sell on fact ในหุ้นที่ถูกเก็งกำไรรอบก่อนหน้า ขณะที่ หุ้นส่วนที่ถูกมองว่าเสียประโยชน์อาจเกิดภาวะ Buy on fact ได้
คาดว่า SET Index อยู่ในภาวะผันผวน และมีการสลับกลุ่มเล่นค่อนข้างเร็ว วันนี้ ประเมินกรอบช่วง 1540 –1554 จุด โดยมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นฉาก หลัง หุ้น Top Pick เลือก BGRIM, SCGP และ TRUE
เศรษฐกิจจีนดูดีขึ้น แต่ Tech War อาจทำโลกว้าวุ่น
การออกมาตราการกระตุ้นเศรฐกิจจีนเพิ่มเติมนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค. 2566 ที่ ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเน้นไปในด้านการบริโภคภายในประเทศ พร้อมกับเร่งแก้ไขปัญหา ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของ GDP จีน
เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้ภาพรวมของจีนค่อยๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น ในเดือน ส.ค. สะท้อนจากตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ออกมาสูงกว่าคาด อาทิ PMI ภาคการผลิต, ยอดนำเข้า-ส่งออก ฯลฯ และล่าสุดเงินเฟ้อจีน (CPI) ออกมาอยู่ที่ +0.1%YoY ตามคาด ขยับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ -0.3%YoY ซึ่งช่วยลดแรงกดดัน จากภาวะเงินฝืด นอกจากนี้เงินเฟ้อในฝั่งผู้ผลิต (PPI) อยู่ที่ -3.0%YoY หดตัวน้อย กว่าตลาดคาดและเดือนก่อนที่ -3.1%YoY และ -4.4%YoY ตามลำดับ
แม้เศรษฐกิจจีนจะดูมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจาก Tech War ระหว่าง จีน-สหรัฐฯ ที่อาจทวีความรุนแรง โดยเมื่อย้อนดูข้อมูลในอดีต พบว่า สัดส่วนการ นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Semiconductors ของจีนในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง ต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงที่สหรัฐประกาศทำสงคราการค้ากับจีนในปี 2561 ขณะที่ล่าสุด รัฐบาลจีนได้เล็งขยายคำสั่งห้ามใช้ iPhone ให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานที่รัฐบาลให้การ สนับสนุนและรัฐวิสาหกิจ ในการทำงาน หรือพกพาเข้าไปในสำนักงานของรัฐ (ก่อน หน้านี้สั่งห้ามเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง)
สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจจีนเดือน ส.ค. มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากรัฐบาลจีนได้ออก มาตราการกระตุ้นเศรฐกิจเพิ่มเติมนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค. 2566 ไม่ว่าจะเป็น ภาคการผลิต ภาคการค้า และล่าสุดเป็นภาคการบริโภคที่มีสัญญาณเชิงบวก ช่วยลด แรงกดดันภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง อย่างไรก็ตามยังต้องระวังความเสี่ยงจาก Tech War ที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น
ราคา Comodity ปรับขึ้นแรงเกือบทุกชนิด เก็งกำไรหุ้นกลุ่มได้ ประโยชน์
ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.66 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Comodity ปรับขึ้นแรงเกือบทุก ชนิด จากสาเหตุการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมขั้นปลายทั้งตลาดในและต่างประเทศ หนุน Demand เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ ในช่วง 2H66 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียด แต่ละประเภท ดังนี
• ค่าระวางเรือ (BADI) ปรับขึ้น 9.2%(mtd) ดีต่อหุ้นกลุ่ม Logistic อาทิ PSL TTA WICE III SJWD ซึ่งผลประกอบการช่วง 2H66 มีโอกาสดีกว่า 1H66 จาก การเข้าสู่ช่วง HIgh seasonของหุ้นกลุ่มนี้
• ราคายางแท่ง/ยางแผ่น ปรับขึ้น 3.5%-6%(Mtd) จากความคาดหวังได้แรง เสริมจากมาตรการภาครัฐฯในการรักษาเสถียรภาพราคายาง ดีต่อหุ้นกลุ่ม ส่งออกยาง อาทิ STA TRUBB NER
• ราคาน้ำตาล ปรับขึ้น 5%(mtd) จากรัฐบาลอินเดียเตรียมประกาศห้ามส่งออก น้ำตาลฤดูกาลหน้า(ต.ค.66)ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่สุดของโลก หนุน Supply ลดลง ดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออกน้ำตาลอย่าง KSL KTIS
• ราคาน้ำมันดิบ BRENT WTI ปรับขึ้น 4.3%-4.6%(mtd) จากความกังวล ภาวะน้ำมันตึงตัวจากกลุ่ม OPEC+ ดีต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTT (BK:PTT) PTTEP IRPC SPRC TOP
สรุป ราคา comodity ปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.66 และมี momentum ปรับตัวขึ้นต่อ จาก Demand ที่โอกาสฟื้นตัว และ Supply ที่หดหาย กลยุทธ์การลงทุน เน้นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว ชอบ III SJWD STA NER KSL PTTEP TOP เป็นต้น
ช่วงเวลา Government Poilcy Driven
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเหลือมูลค่าซื้อขายต่อวันเพียง 3.5 หมื่นล้านบาท (ลดลงกว่า 28% เมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา) ซึ่ง สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียขาดแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ กดดันให้มูลค่าซื้อขายในหลายๆ แห่งเบาบาง หรือลดลงไป 20% เมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ SET Index ที่ฟื้นขึ้นมาแรงและเร็ว ช่วงรอยต่อได้รัฐบาลใหม่จาก 1506 จุด ขึ้นไปถึง 1579 จุด ก็เริ่มเห็นการทยอยขายทำกำไรจากต่างชาติออกมาในเดือน ก.ย. นี้ ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยทุกวันกว่า 6.8 พันล้านบาท กดดันให้ SET Index ล่าสุด ย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1547 จุด
ส่วนประเด็นที่จะมีผลในการขับเคลื่อน SET Index ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การแถลง นโยบายของรัฐบาล เหตุที่เป็นจุดสนใจ เพราะหลายนโยบายสามารถสร้างความ ตื่นเต้น และสร้างกระแสการเก็งกำไรในหุ้นหลายกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา แต่ ในอีกมุมหนึ่งก็เห็นว่าการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจมี ผลกระทบต่อฐานะการเงินการคลังในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น การแจก Digital Wallet 10,000 บาท, ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, การปรับลดราคาน้ำมัน ดีเซล-ไฟฟ้า รวมไปถึงการพักหนี้ฯ ทั้งหมดนี้หากเกิดขึ้นได้จริงในระยะสั้น จะสร้าง กระแสเก็งกำไรในหลายกลุ่มเช่น ค้าปลีก, สถาบันการเงิน, อาหาร, ท่องเที่ยว ฯลฯ แต่ อย่างไรก็ตามหากมีอุปสรรค ก็อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้ นอกจากนี้อาจต้อง ระวัง Sell on fact ในหุ้นที่ถูกเก็งกำไรรอบก่อนหน้า ขณะที่หุ้นส่วนที่ถูกมองว่าเสีย ประโยชน์อาจเกิดภาวะ Buy on fact ได้
สรุป คาดว่า SET Index อยู่ในภาวะผันผวน และมีการสลับกลุ่มเล่นค่อนข้างเร็ว วันนี้ ประเมินกรอบช่วง 1540 – 1554 จุด โดยมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นฉากหลัง หุ้น Top Pick เลือก BGRIM, SCGP และ TRUE
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities