ภาพของตลาดหุ้นไทยเราเชื่อว่า อยู่ในภาวะที่ Downside จำกัด ขณะที่ Upside ค่อยๆ เปิดเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยที่เป็นตัวจำกัด Downside ได้แก่สถานการณ์ทาง การเมืองที่เราได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศทำให้ฐานราคาบริเวณ 1540- 1545 จุดเป็นแนวรับที่แข็งแรง ส่วนปัจจัยที่เป็นตัวเปิด Upsideได้แก่ การเดินหน้า ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเป้าหมายระดับแรกอยู่ที่ 1570 จุด และถัดไปอยู่ที่ 1600 จุด สำหรับ Investment Theme เราให้ความสำคํญไปที่การ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ทั้งนี้หาก ย้อนกลับไปดู จะเห็นว่า ทั้งประมาณการ GDP Growth และกำไรบริษัทจด ทะเบียน ถูกปรับลดลงนับตั้งแต่ผ่านการประกาศตัวเลขงวด 2Q66แต่ถึงแม้มีการ ปรับลดลงมาแล้ว ก็ยังเห็นภาพเศรษฐกิจ และ ผลประกอบการ งวด 2H66 จะ เติบโตสูงกว่างวด 1H66 ที่ผ่านมา โดยกำไร 2H66 น่าจะโต 19% จาก 1H66
ยังคงมุมมองว่า SET Index อยู่ในภาวะที่มีDownside ขณะที่ Upside จะค่อยๆ เปิดจากแรงขับเคลื่อนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้ประเมินกรอบช่วง 1545 –1560 จุด หุ้น Top Pick เลือก BJC, SCGP และTOP
ปัจจัยแวดล้อมยังดูขมุกขมัว
ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลาดแรงงานอาจมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างช้าๆ ไม่หวือหวา สะท้อนจากตัวเลขตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานล่าสุดอยู่ที่ 216,000 ราย น้อย กว่าตลาดคาดที่ 234,000 ราย และต่ำสุดรอบ 7 เดือน ซึ่งอาจมองได้ว่าคนตกงาน น้อยลง และมีโอกาสที่ Fed จะค้างดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงยาวนานขึ้นไปจนถึงกลางปี หน้า (เดิมคาดถึงแค่ช่วง 1Q67)
ส่วนภาพรวมในยุโรปยังต้องเฝ้าระวังปัญหาเศรษฐกิจโตช้า หลังเยอรมันเข้าสู่ภาวะ Technical Recession ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา และล่าสุดรัฐบาลยุโรปได้มีการปรับ ลด GDP ใน 2Q66 เหลือเพียง +0.1%QoQ เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเติบโตเพียง เล็กน้อย จากแรงกดในภาคการส่งออกทรุดตัว รวมถึงการบริโภคลดลง
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาหวังว่าจะเป็นโซน Bottom แล้ว ซึ่งล่าสุด เดือน ส.ค. เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในภาคการค้า หลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจเพิ่มเติม หนุนให้ยอดการส่งออกและนำเข้าหดตัวน้อยลง อยู่ที่ -8.8%YoY และ -7.3%YoY ตามลำดับ และปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นแรงส่ง มายังภาคการส่งออกบ้านเราให้มีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน หนุนให้ Downside จำกัดมาก ขึ้นในระยะถัดไป
สรุป ปัจจัยแวดล้อมยังดูทรงๆ โดยสหรัฐฯ อาจจะเห็นภาพการค้างดอกเบี้ยสูงยาวนาน ขึ้น หลังตลาดแรงงานค่อนข้างแข็งแกร่ง ส่วนยุโรปยังต้องเฝ้าระวังปัญหาเศรษฐกิจโต ช้า ขณะที่จีนเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในภาคการค้า ทั้งนี้ความเสี่ยงจากปัจจัยภาพ นอกเชื่อว่าจะไม่กดดันต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก
กกร. ปรับลด GDP ไทยลง แต่ยังเห็นแนวโน้วเศรษฐกิจและกำไร บริษัทจดทะเบียนฟื้นตัวต่อเนื่อง
วานนี้กกร. หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2.5-3.0%(ค่ากลาง 2.75%) หลังมูลค่าการ ส่งออกติดลบต่อเนื่องกว่า 10 เดือน และติดลบแทบทุกหมวด ทำให้กกร.คาดว่าการ ส่งออกทั้งปีจะอยู่ในแดนลบ หดตัวอยู่ในกรอบเหลือ 0.5-2.0% ขณะที่การใช้จ่าย ภาครัฐก็หดตัวต่อเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีแนวโน้มล่าช้า ซึ่งสอดคล้อง กับช่วงก่อนหน้านี้ที่ สศช.ได้ปรับประมาณการ GDP Growth ปีนี้ลงเช่นกัน เหลือ 2.5 –3.0%
หากพิจารณา GDP ในช่วง 2H66 ต้องทำได้ 3.8%YoY ในแต่ละไตรมาส ถึงจะทำให้ ประมาณการ GDP Growth ปีนี้โต 3%YoY(คงเดิม) ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ายังมีความ เป็นไปได้อยู่ เนื่องจาก ช่วง 2H66 เป็นช่วง HIGH SEASON ของภาคการท่องเที่ยว ซึ่ง เป็นรายได้หลักของประเทศไทย ผนวกกับรัฐบาลชุดใหม่เตรียมออกนโยบายกระตุ้นทั้ง ภาคท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ
สอดคล้องกับทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ช่วง 2H66 จะ เติบโตได้ 19%HoH และกำไรปี 2567 เติบโตต่อ 12.6%YoY
รวมถึงในสัปดาห์หน้า รัฐบาลเตรียมอภิปรายแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย. รวมเวลาทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง (สส.ฝ่ายค้านได้เวลาซักถาม 14 ชั่วโมง) ก่อนเริ่มต้นนับหนึ่งการบริหารประเทศของรัฐบาล “เศรษฐา 1” อย่างเป็น ทางการ หลังจากนี้น่าจะเห็นทิศทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นในช่วงที่เหลือ ของปี ถือเป็นกระแสช่วงพยุงให้ Dowside ตลาดลดลง และ Outperform กว่าตลาด หุ้นโลกในช่วงนี้
ดังนั้นหากตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา น่าจะเป็นโอกาสในการทยอยสะสมได้ แนะนำหุ้น ในกลุ่มที่กำไรช่วง 2H66 มีโอกาสเติบโตเด่นกว่าตลาด และยังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า อย่าง PTTGC, IVL, PLANB, CPF, AOT (BK:AOT), BEM, III, SCGP, ORI, BJC, CRC, CPAXT, CPALL (BK:CPALL) ฯลฯ
ส่วน Toppick ในวันนี้เลือก BJC, SCGP และ TOP ที่ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบ เฉพาะตัวไปมากแล้ว
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities