🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

SET Index ขึ้นก็ไม่เร็ว แต่ลง ก็ไม่แรง 

เผยแพร่ 01/09/2566 09:45
อัพเดท 09/07/2566 17:32
SETI
-

การปรับฐานลงมาต่ำกว่า 1570 จุด ของ SET Index น่าจะมีเหตุปัจจัยหลัก 2 ส่วน เริ่มจากความกังวลนโยบายลดค่าน้ำมัน - ไฟฟ้า ของรัฐบาลใหม่ ที่สร้างแรง กดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และ แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอันเนื่องมาจากการ ปรับน้ำหนักของ MSCI เราเชื่อว่าแรงกดดันจากทั้ง 2 ส่วนน่าจะส่งผลกระทบต่อ ราคาหุ้นในระยะสั้นๆ โดยเบื้องต้นน่าจะทำให้SET Index ช่วงนี้อยู่ในภาวะที่ ขึ้นก็ ไม่เร็ว แต่ ถ้าจะปรับลงก็ไม่แรง กลยุทธ์การลงทุนในภาวะดังกล่าว น่าจะเป็นการ ทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ตเมื่อราคาย่อตัวลงมา ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามมีอยู่ 3 ส่วน เริ่มจากปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อโลกที่เห็นมากขึ้น แต่น้ำหนักต่อเงินเฟ้อไทยอาจยังไม่ มาก ตามด้วยการปรับลด GDP Growth ปี 2566 ของบ้านเรา แต่ก็เชื่อว่าจะเห็น การปรับเพิ่มประมาณการในปี 2567 ส่วนอีกเรื่องเป็นกรณีหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดแรงกดดันต่อหุ้น Market Capเล็ก และมีภาระหนี้สูง

คาดว่า SET Index น่าจะย่ำฐานอยู่ที่บริเวณ 1570 จุด โดยวันนี้ประเมินกรอบ ช่วง 1560 – 1580 จุด กลยุทธ์การลงทุน ให้ทยอยสะสมหุ้นเข้าพอร์ต เมื่อราคา ย่อยตัวลงมา หุ้น Top Pickวันนี้เลือก AOT (BK:AOT), SCGP และ TOP

สัญญาณเงินเฟ้อกระตุก...แต่อาจไม่พอให้แบงค์ชาติปรับขึ้น ดอกเบี้ยต่อ

อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีความสุ่มเสี่ยงขยับขึ้นจากหลายปัจจัยที่เข้ามาหลังจากนี้ อาทิ ราคาน้ำมันดีดตัว ปรากฏการณ์เอลนีโญ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ฯลฯ อย่างไรก็ตามแรงกระตุกของเงินเฟ้อดังกล่าวอาจยังไม่มากพอธนาคารกลาง ต่างๆ ใช้ยาแรงในการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา

สำหรับภาพรวมในสหรัฐฯ ยังเห็นสัญญาณเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดดัชนี PCE เดือนก.ค. +3.3%YoY ตามคาด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย ที่ระดับ 3.0%YoY ส่วน Core PCE ล่าสุดอยู่ที่ +4.2%YoY ขณะที่ Real Personal Income (ค่าใช้จ่ายรายบุคคลหักด้วยเงินเฟ้อ) เดือน ก.ค. +0.6%MoM สูงขึ้นจากเดือนก่อนที่ 0.4%MoM สะท้อนการบริโภคในสหรัฐยังขยายตัวได้ดีอย่างไรตามตลาดยังคงมอง ว่าระดับดอกเบี้ยที่ 5.5% น่าจะรับมือกับแรงกระตุ้นของเงินเฟ้อได้

ส่วนในฝั่งยุโรป เงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค. อยู่ในระดับดียวกันที่ +5.3%YoY ซึ่งยังถือว่ายังสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2% อีกทั้งเงินเฟ้อพื้นฐานที่สูง กว่าคาดและเป็นระดับเท่ากับเดือนก่อน อาจทำให้ ECB ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้น ดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีนี้ไปอยู่ที่ 4.50% (ปัจจุบัน 4.25%)

ขณะที่บ้านเรา เงินเฟ้อในเดือน ก.ค. อยู่ที่ +0.38%YoY แม้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ +0.23%YoY แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีน่าจะยังไม่มีปัจจัย ที่ทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้นแรง เชื่อว่ามีโอกาส ธปท. จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25%

สรุป ประเด็นเงินเฟ้อขยับขึ้นกลับมาให้น้ำหนักอีกครั้ง หลังคาดว่าจะมีแรงกระตุ้นเข้ามา หลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธนาคารกลางต่างๆ ยังไม่มีความจำเป็นในการเร่งขึ้น ดอกเบี้ยต่อดังเช่นอดีตที่ผ่านมา

หุ้นกู้ แผลงฤทธิ์ บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน

ตลาดหุ้นกู้ของไทยปีนี้ สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัญหาสภาพ คล่องจนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ เริ่มจาก STARK CHO ALL CGD และล่าสุด JKN ที่ แจ้งว่าหุ้นกู้รุ่น JKN239A ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนวันนี้ มูลค่ารวม 609.98 ล้านบาท ซึ่ง บริษัทสามารถชำระเงินต้นได้เพียง 156.6 ล้านบาท เหลือยอดค้างชำระ 443.4 ล้าน บาท โดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(THAIBMA) เผยว่าในช่วงที่เหลือของปี มีหุ้นกู้ Non-Rated ที่จะครบกำหนดชำระหนี้มูลค่า 2.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ซะส่วนใหญ่ อาทิ CGD INET TNITY ALL KCC CHEWA NVD RICHY ซึ่งต้องติดตามดูสถานการณ์ใกล้ชิด

โดยกลยุทธ์การลงทุนสำหรับหุ้นกู้เน้นคัดสรรการลงทุนหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งระดับ BBB ขึ้น ไป หรือเป็นระดับ Investment Grade อาทิ TRUE253A SIRI263A CPALL266A

ขณะที่ฝั่งกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทย เพื่อการหลบเลี่ยงความกังวลจากประเด็น ดังกล่าว ฝ่ายวิจัยทำการคัดกรองหุ้นที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง และมีระดับ Net Gearing (หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน) อยู่ในระดับต่ำ1 หรือเป็น Net Cash(มีเงินสด มากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย) จะถือเป็นหุ้นที่มีเกราะป้องกันในช่วงเวลาดังกล่าว

สรุป ประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ไทย ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้จึงมองการเคลื่อนไหวของ SET Index มีโอกาสกลับไปทดสอบแนว รับที่ระดับ 1560 จุด ดังนั้นกลยุทธฺเน้นหุ้นหลบความผันผวนจากประเด็นดังกล่าว โดย ฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบ AOT CPN PTT (BK:PTT) PTTGC SCC AP EA CENTEL AMATA IVL HMPRO SCGP เป็นต้น

ยังคาดหวัง Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นในระยะถัดไป

แม้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง 10.7 จุด หรือ 0.68% พร้อมกับมูลค่าซื้อขายหุ้น ไทยที่เพิ่มขึ้นมาแรง 8.6 หมื่นล้านบาท และต่างชาติยังขายสุทธิแรง 6.1 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากเป็นวันที่ MSCI มีการ Rebalace ดัชนีพอดี โดยในรอบนี้น่าจะลดน้ำหนักหุ้นไทยพอสมควร เพราะการปรับน้ำหนักของดัชนี MSCI อิงกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหรือ Market Cap. เป็นหลัก ซึ่งในช่วง กลางเดือน พ.ค. - กลางเดือน ส.ค. ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -2.1% แต่ดัชนีโลก (MSCI ACWI) +5.7% ถือว่า Underperform กว่าตลาดหุ้นโลก -7.8%

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูก MSCI เพิ่มน้ำหนัก ในรอบถัดไปวันที่ (14 พ.ย. 66) ได้ เพราะตั้งแต่วันที่ MSCI ประกาศปรับน้ำหนักในรอบที่ผ่านมา (กลางเดือน ส.ค.) ถึงปัจจุบัน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ขณะที่ MSCI ACWI -0.2% แสดงว่าปัจจุบัน SET พลิกกลัม Outperform ตลาดหุ้นโลกแล้วกว่า 2.4%

ดังนั้น Fund Flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยหนักในวานนี้ และยังขายสุทธิหุ้นไทย สูงสุดในภูมิภาคมาแล้วกว่า 1.3 แสนล้านบาท (ytd) น่าจะสะท้อนปัจจัยลบรวมถึง MSCI ลดน้ำหนักไปมากแล้ว หลังจากนี้ประเมินว่า ต่างชาติมีโอกาสสลับมาซื้อสุทธิ หุ้นไทยบ้าง ทั้งแรงกดดันดอกเบี้ยลดลง รัฐบาลใหม่เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ และกำไร บริษัทจดทะเบียนมีโอกาสโตต่อ 19%HoH หนุนให้ MSCI เองก็มีโอกาสเพิ่มน้ำหนัก หุ้นไทยในรอบถัดไปได้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย