หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมาตรี กระบวนการ จากนี้ไป นายกรัฐมนตรี จะจัดตั้ง ครม. เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อย ก็จะ นำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ ตามด้วยการเข้าถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อ สภาฯ ซึ่งประเมินว่ารัฐบาลใหม่จะเริ่มทำงานได้ราวกลางเดือน ก.ย.66 ซึ่ง พัฒนาการของข่าวต่างๆ น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งสะท้อนผ่านมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้น เงินบาทที่แข็ง และ Fund Flow เริ่มไหล กลับ และน่าจะทำให้Upside ของ SET Index ปรับสูงขึ้น Theme การลงทุน เน้น ไปที่การเดินนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งจุดเด่นที่สุดน่าจะเป็นการแจก Digital Money10,000 บาท โดยเรามองว่าน่าจะทำให้ระบบนิเวศน์ของ Digital Asset ใน บ้านเราขยายตัวและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศน์ดังกล่าว น่าจะโอกาสเข้ามาอยู่ในกระแสการเก็งกำไรได้
คาดว่า SET Index น่าจะแกว่งตัวสูงขึ้น กรอบอยู่ที่ 1540 – 1570 จุด หุ้นที่เป็น ตัวเลือกเกี่ยวข้องกับ Digital Money น่าจะโดดเด่น เช่น JMART, ORI, SCB, GULF, XPG เป็นต้น Top Pick เลือก CPF, JMART และ GULF
เศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว หนุนหยุดดอกเบี้ยขาขึ้น
วานนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดตัวในแดนบวก เนื่องจากประเด็นวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ใกล้จบ กลับมามีน้ำหนักมากขึ้นอีกครั้ง หลังดัชนีPMI ของสหรัฐฯ และยุโรปล่าสุด ออกมาในทิศทางที่แย่ลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจ Recession
สหรัฐ ดัชนี PMI เดือน ส.ค. ในภาคการผลิต อยู่ที่ 47.0จุด ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 49.3 จุด และลดลงจากเดือนก่อนที่ 49.3 จุด โดยถูกดดันจากคำสั่งซื้อและการจ้างงานที่ ชะลอตัว ขณะที่ภาคบริการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 50.4 จุด ทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ทำให้ Fed มีโอกาสในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดย Fed Watch Tool ให้น้ำหนักสูงถึง 88% ที่คาดว่า Fed จะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.5% ในการ ประชุมรอบเดือน ก.ย. นี้
ยุโรป ดัชนี PMI เดือน ส.ค. ในภาคการผลิตอยู่ในโซนหดตัวที่ 43.7จุด ขยับขึ้นมาจาก เดือนก่อนที่ 42.7 จุด ขณะที่ภาคการบริการอยู่ที่48.3 จุด ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุด ครั้งแรกในรอบกว่า 8 เดือน และยังต่ำกว่าตลาดคาดที่ 50.5 จุด รวมถึงปรับตัว ลดลงจากเดือนก่อนที่ 50.9 จุด ส่งผลให้ตลาดประเมินว่า ECB จะ Hawkish น้อยลง สะท้อนจากคาดการณ์ดอกเบี้ยในยุโรปล่าสุด (เส้นสีเหลือง) มีการ Shift ลงมา
ในส่วนของบ้านเราวานนี้ ผู้ว่าการ ธปท. เผยว่าได้เตรียมปรับลดประมาณการณ์ GDP ใหม่ในเดือนก.ย.นี้หลังเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอ ตัว จนอาจกระทบต่อภาคการส่งออก รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.6% ของ GDP ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่ฉุดกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางสภาพัฒน์ฯ ได้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2566 เหลือเพียง 2.5 –3.0% (เดิมคาด 2.7 – 3.7%) ปัจจัยดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ กนง. ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือคง ดอกเบี้ยไว้ในระดับปัจจุบันที่ 2.25% เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้
สรุป ผลกระทบจากดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด กำลังส่งผ่านไปยังกิจกรรมทาง เศรษฐกิจ และเริ่มเห็นสัญญาณ Recession มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการตีความว่า ธนาคารกลางๆ ใกล้หยุดวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว
นโยบาย Digital Wallet หุ้นใดน่าเก็งกำไรบ้าง
หลังนายเศรษฐา ทวีสิน โปรดเกล้าฯนายกฯในวานนี้ ขั้นตอนต่อไป คือ การจัดทำ รายชื่อ ครม. คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 สัปดาห์จากนั้นส่งให้สำนักเลขาธิการ ครม. ตรวจสอบคุณสมบัติ อีกประมาณ 1 สัปดาห์ต่อไปเป็นขั้นตอนทูลเกล้าฯ และเข้าถวาย สัตย์ปฏิญาณ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์(รวม 3 สัปดาห์)ซึ่ง อ.วิษณุ (รักษาการณ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย) คาดว่าจะช่วงปลายก.ย.66 ครม.ใหม่จะเข้าทำงานได้ ประเด็นดังกล่าว ทำให้ Sentiment เชิงบวกยังมีอยู่ และผลักดัน SET Index ไปทดสอบ แนวต้าน 1560/1570 จุด
ขณะที่ประเด็นถัดไปที่คนส่วนใหญ่พูดถึงและติดตาม คือ นโยบาย Digital Wallet แจก เงิน 10,000 บาท/คน ของพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงหลังเป็นนโยบายชูโลง ของพรรค และมีกระแสว่านายกฯจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งกลุ่มหุ้นที่ สามารถเก็งกำไรได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้
1) กลุ่มหุ้นที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ และเครือข่ายโทรคมนาคม ADVANC TRUE COM7 SPVI CPWIT SYNEX SIS เป็นต้น
2) กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Digital Asset ทั้งหมด
2.1 บริษัทที่เข้าไปลงทุนใน Crypto Currency โดยตรง เช่น หุ้น BROOK ซึ่งผล
ประกอบการจะขึ้น / ลง หรือได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ฯจากแนวโน้มราคา
เหรียญ
2.2 บริษัทที่เข้าไปลงทุนขุด BITCOIN (BITCOIN Mining) : เช่น หุ้น JTS ต้นทุน
คือ ค่าไฟ , อุปกรณ์ และการ์ดจอในขุด ฯลฯ ส่วนรายได้คือ เหรียญ Crypto
อาทิ Bitcoin ที่ได้จากการเข้าไปแข่งกันถอดรหัส ทั้งนี้หากแนวโน้มราคา
Bitcoin ปรับขึ้น , ต้นทุนเท่าเดิม จำนวนเหรียญฯที่ขุดได้เท่าเดิม แต่มูลค่า
เหรียญที่ขุดได้จะเพิ่ม เป็นกำไร
2.3 บริษัทที่รับ Crypto currency หรือ tokens เพื่อใช้ซื้อสินค้า หรือ บริการ :
ก่อนหน้าที่ออกข่าวและเกิดกระแสเก็งกำไร อาทิ RS, ANAN, SIRI ,SC, ORI
,ASW ,MAJOR, JMART ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินว่าจะได้เพียงกระแส หรือ
Sentiment เชิงบวกเท่านั้น
2.4 บริษัทที่ทำ ICO portal คือ (ผู้ให้บริการToken) ทำหน้าที่คล้ายที่ปรึกษา
ทางการเงิน ในการตรวจสอบข้อมูลการออก ICOของบริษัทที่เสนอขายโทเคน(due diligence) และเก็บรักษาทรัพย์สินของผู้ลงทุน ฯลฯ อาทิ KBANK (BK:KBANK)
SCB , XPG, JTS
2.5 ทำระบบ Exchangeซื้อขาย Crypto currency อาทิGULF
สรุป ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่านโยบาย Digital wallet มีโอกาสเกิดขึ้นจริง หลังได้ตัวนายก ฯ ดังนั้นหุ้นที่อยู่ในกระแสเก็งกำไรจากประเด็นดังกล่าว และฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ คือ COM7 TRUE SIRI SC JMART KBANK SCB GULF
สภาพคล่องหุ้นไทยเริ่มฟื้น ถือเป็นอีกหนึ่งแรงช่วยพยุงตลาด
ประเด็นบวกทางการเมือง หนุนให้ SET Index วานนี้มีมูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคัก 7.58 หมื่นล้านบาท หนุนให้ค่าเฉลี่ยมูลค่าซื้อขายในเดือน ส.ค. (mtd) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.46 หมื่นล้านบาท และสูงกว่าค่าเฉลี่ย (ytd) 5.42 หมื่นล้านบาทแล้ว
และจากสถิติในอดีต พบว่า เวลามูลค่าซื้อขายสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน SET Index มีโอกาสขยับขึ้นเฉลี่ย 8%ต่อปี และยังหนุนให้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายบน MEYG ที่ต่ำลงมาราวๆ 3.5% หรือ P/E ที่สูงขึ้นมาอยู่ 17.53เท่า เมื่อคูณกับ EPS66F ที่ 91.8 บาท/หุ้น หนุนให้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ขยับขึ้นมาบริเวณ 1610 จุด จากเดิม 1542 จุด
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหุ้นใน SET100 ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในวันที่ ได้นายกฯ คนที่ 30 (22 ส.ค. 66) โดยมีมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นมาโดดเด่นกว่าหุ้นตัวอื่นๆ และเชื่อว่ายังมี Momentum ในการขยับขึ้นต่อได้
จากตารางดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ CK, CPF, ERW, CRC, BCH, SIRI, HMPRO คาดว่ายังมี Momentum ในการปรับตัวขึ้นต่อได้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities