HELTH is the best place to hide right now
• SET: ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ช่วงบ่ายวานนี้ตามคาด หลังจากผลการตัดสินของ ศาลรัฐธรรมนูญออกมาไม่รับค่าร้องของผู้ตรวจการก่อนหน้านี้ต่อกรณีการเสนอ ชื่อโหวตนายก าสอง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราจําเป็นต้องติดตามต่อไปก็คือว่า ระหว่างทางตรงนี้ไปจนถึงวันโหวตนายกฯถัดไปที่ 22 ส.ค.นั้น จะมีความไม่ ในการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของคุณเศรษฐา แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย หรือไม่ ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้ย่อมมีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในช่วง นี้ได้ ส่วนปัจจัยภายนอกเริ่มเห็นแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังจาก รายงานการประชุม Fed เมื่อคืนนี้ ยืนยันแผนการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ตามด้ว Dot plots ที่เคยออกมา (รายละเอียดด้านล่าง) ทําให้ในวันนี้เราแนะนํานัก ลงทุนที่มีก่าไรจากการซื้อหุ้นโรงกลั่นก่อนหน้านี้ใช้จังหวะนี้ในการขาย แน่นอนใดๆเกิดขึ้นต่อโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและโอกาส ทําก่าไรออกมาก่อนได้
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์แนะนํา Wait & See ในภาพรวมต่อไป ทั้งนี้ หาก ต้องการ Selective มองไปยังกลุ่ม Defensive ที่มี Positive earnings momentum ในช่วงถัดไปยังกลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH) นอกจากนั้น อาจมองไปยังกลุ่มหุ้นที่ลงมาแรงก่อนหน้านี้ และรับข่าวร้ายในแง่ ของผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกไปมากแล้วอย่าง กลุ่มผู้ส่งออกอาหาร และสินค้าเกษตร ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์ในช่วงถัดไปจากเงินบาทที่อ่อนค่าด้วย เช่นเดียวกัน ปัจจุบัน
• FOMC Minutes: ไฮไลท์จากรายงานการประชุม Fed รอบล่าสุด มีดังนี้
1) Fed ประเมินเงินเฟ้อสหรัฐฯมีความเสี่ยงด้านสูง (Upside risk) ในช่วง ถัดไป ซึ่งอาจทําให้ดอกเบี้ยนโยบายจําเป็นต้องมีการปรับขึ้นอีกจากระดับ
2) คณะกรรมการมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว
3) กรรมการส่วนใหญ่มีความไม่แน่ใจต่อผลกระทบสะสม (Cumulative effect) จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันในช่วงที่ผ่านมา จากข้อความนี้ น่าจะเป็นการยืนยันว่า Fed จะมีการคงดอกเบี้ยใน การประชุมรอบหน้าเดือนก.ย.ไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ
4) กรรมการมีความกังวลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวลดลงของราคา Commercial real estate ของสหรัฐฯในช่วงหลัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบมายังภาคสถาบันการเงินได้
• Reaction: หลังรายงานการประชุมดังกล่าวออกมาเมื่อคืนนี้ พบว่านักลงทุน ให้ความน่าจะเป็นต่อการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้มากขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 30% มาอยู่ที่ 39% ส่งผลให้ Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวท่า จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั้งในส่วน ของตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ โดยราคาน้ามันดิบเมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรงถึง 1.7% คาดส่งผลต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทยได้บ้าง แต่ในทางกลับกัน อาจ เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับลงมาแรงในช่วงที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities