🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

SET หลุด 1520 จุด เงินบาทแตะ 35 บาท/USD 

เผยแพร่ 09/08/2566 10:10
SETI
-

สัญญาณลบปรากฎชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ SET Index ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1520 จุด ซึ่งถือเป็นสัญญาณลบทาง Technical ขณะที่ Fund Flow จากนัก ลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง มีผลทำให้เงินบาทอ่อนค่ามาแตะระดับ 35 บาท/ USD ภาวะดังกล่าวน่าจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยไปอีกระยะหนึ่ง ส่วน ปัจจัยแวลดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้มีน้ำหนักค่อนไปทางลบ เริ่มจาก Moody ปรับ ลด Credit Rating ของธนาคารสหรัฐ 10 แห่ง และมีส่วนที่อยู่ระหว่างการ พิจารณาปรับลด จนถึง Negative Outlook อีกหลายแห่ง กรณีดังกล่าวน่าจะ สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น และอาจมีSentiment เชิงลบมาสู่หุ้น Bank ในบ้าน เราด้วย ส่วนอีกเรื่องเป็นตัวเลข การส่งออก - นำเข้าของจีน เดือน ก.ค.66 ที่หด ตัวแรงกว่าที่คาด อาจเป็นตัวบ่งชี้ตัวเลขการส่งออกบ้านเรา ส่วนการเมืองยังอยู่ ในช่วงของการรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาล

SET Index หลุดระดับแนวรับ 1520 จุดลงมา ทำให้ต้องกำหนดแนวรับใหม่ที่ 1510 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1535 จุด สำหรับหุ้น Top Pick วันนี้เลือก ADVANC, ERW และ PTTEP

ปัจจัยภายนอกอึดอัดอึมครึม กดดันตลาดหุ้นร่วงช่วงนี้

วานนี้สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกจีนเดือน ก.ค. -14.5%YoY แย่กว่าตลาดคาดและแย่กว่าเดือนก่อนที่ -12.4%YoY ตามเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ด้านการนำเข้าหดตัวมากที่สุดในรอบ 6 เดือนที่ -12.4%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด สะท้อนภาพเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งใน เรื่อง การบริโภคภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และ การค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวในระยะถัดไป ผลกระทบอาจตกมาที่ภาคการส่งออกใน บ้านเรา เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของ รวมถึงเมื่อพิจารณา ความสัมพันธ์ระหว่างยอดส่งออกสินค้าจากไทยไปจีน – การนำเข้าสินค้าของจีน พบว่า มีค่า Correlation สูงถึง 0.69

ทั้งนี้ ความหวังสุดท้ายของการฟื้นตัวลเศรษฐกิจจีนคงเหลือเพียงการพึ่งพาจาก ภาครัฐ (G) ผ่านมาตรกการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่างๆ รวมกึงรอต้องติดตาม ผลลัพท์หลังรัฐบาลจีนออกมาตรกกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรกไปเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.

นอกจากนี้ในฝั่งสหรัฐฯ ทาง Moody ได้มีการประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ ธนาคารสหรัฐขนาดกลางและขนาดเล็ก 10 แห่ง จากความกังวลว่าปัญหาในภาค ธนาคารเมื่อช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จะทำให้ความเชื่อมั่นลดลง จนกระทบต่อกำไร ของบริษัทใน 2Q66 และอาจทำให้การระดมทุนยากขึ้น นอกจากนี้ในฝั่งยุโรป ทาง อิตาลีอนุมัติเก็บภาษีลาภลอยส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ของธนาคารกว่า 40% ประเด็นดังกล่าวอาจเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่ม ธนาคารบ้านเราในช่วงนี้

จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นปัจจัยลบที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ยุโรปร่วงลงราว -0.4% ถึง -1.1% ขณะที่ในฝั่งจีน ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลดลง กว่า -1.8%

สรุป ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งการฟื้นตัวของเครื่องยนต์ทาง เศรษฐกิจต่างๆ ของจีนที่ช้า และ แผ่วเบา โดยล่าสุดก็แสดงตัวเลขการระหว่างประเทศที่ หดตัวแรงกว่าคาด ขณะที่ในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปยังมีความกังวลในภาคธนาคาร จาก ความเสี่ยงของกำไรที่อาจลดลง

การรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแข็งแรงขึ้น แต่กำลัง เข้าสู่ช่วงรอยต่อที่สำคัญ

หลังพรรคเพื่อไทยแถลงว่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ด้วยเสียงตั้งต้น 212 เสียง คือ เพื่อไทย 141 เสียง และภูมิใจไทย 71 เสียง ล่าสุดมีพรรคร่วมอีก 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคเพื่อไทยรวม พลัง 2 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่1 เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง ขณะที่วันพรุ่งนี้ พรรคเพื่อไทยจะแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 10 เสียง ทำ ให้ขณะนี้มีเสียงรวมกัน 236 เสียง ซึ่งต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ให้เกิน 250 เสียงขึ้นไป และต้องมีเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกอีกกว่า 100 เสียงจึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ จากนี้ไปจะถึงจุดสำคัญของการที่ ต้องตัดสินใจในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมีทางเลือกที่เป็นไปได้ดังต่อไปนี้

1. ได้เสียงจากพรรคก้าวไกล 151 เสียง โดยที่ไม่ได้ดึงมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลซึ่ง จะทำให้มีคะแนนเสียงรวม 387 เสียง(236 + 151 = 387 เสียง)แต่กรณีนี้ความ มีเสถียรภาพของรัฐบาลจะต่ำ เนื่องจาก ในที่สุด พรรคก้าวไกลก็จะกลับไปทำ หน้าที่พรรคฝ่ายค้าน

2. เชิญ พรรคพลังประชารัฐ และ / หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีจำนวน ส.ส. 40 และ 36 เสียง ตามลำดับ ซึ่งน่าจะได้เสียงสนับสนุนจาก สว. จนผ่าน 375 เสียง (กึ่งหนึ่งของรัฐสภา) แต่ก็ต้องระวังแรงกดดันนอกสภาฯ

3. สส.มีเอกสิทธิในการโหวตนายกฯ ซึ่งอาจมี สส. บางท่าน โหวตสนับสนุน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย แม้พรรคต้นสังกัดจะไม่ได้ร่วมรัฐบาล กรณี นี้อาจตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็จะไม่มีเสถียรภาพในการทำงาน

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าติดตาม คือ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะพิจารณารับ หรือ ไม่รับ คำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ เสนอให้วินิจฉัยการใช้ข้อบังคับการประชุม ที่ 41 ของรัฐสภา ในการโหวตเลือกนายกฯ โดยศาลฯ นัดประชุม 16 ส.ค.66 หากไม่มี คำสั่งห้ามใดๆ หรือ ไม่รับไว้พิจารณา ก็น่าจะทำให้กระบวนการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรีในสภาเดินหน้าต่อสุญญากาศทางการเมืองก็จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ สั้นลง แต่หากเป็นไปตรงข้าม ก็จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองที่ยาว ในช่วงเวลาชอง การรอคอยความชัดเจน SET Index มีโอกาสผันผวนในกรอบแคบ และมีปริมาณการ ซื้อขายที่เบาบางลงได้

สรุป ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินภาพการเมืองมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่มีความผันผวนอยู่บ้าง จากที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาร้องปมเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ ผิดญัตติหรือไม่ ดังนั้น ช่วงเวลาดังกล่าวคาดเห็น Flow ต่างชาติยังไม่ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ และมี โอกาสเห็นตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนในกรอบแคบช่วง 2 สัปดาห์นี้ โดยวันนี้มองกรอบ การเคลื่อนไหวของ SET Index 1510-1535 จุด

หาทางรับมือตลาดผันผวน แต่หวังจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของ เดือน ส.ค.

เริ่มต้นเดือน ส.ค. ตลาดหุ้นไทยกลับมาเผชิญกับช่วงสูญญากาศทางการเมืองอีก ครั้ง และยังเป็นช่วงประกาศงบการเงินงวด 2Q66 ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวลง -2.4%(mtd) จาก 1556 จุด ลงมา เหลือ 1518 จุด พร้อมกับ Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออก -1.17 หมื่นล้านบาท(mtd)

หากดูรายละเอียดในหุ้นขนาดใหญ่ พบว่า หุ้นที่ลงแรงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นถูกกดดัน จากสูญญากาศทางการเมือง แต่หุ้นที่ Outperform หรือแข็งแรงกว่าตลาดในช่วงนี้ เป็นหุ้น Defensive อย่างหุ้นโรงพยาบาล, หุ้น Earning Momentum และหุ้นอิงกับ ราคา Commodity

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำเอนเอียงน้ำหนักมาที่ 1). หุ้นอิงกับราคา Commodity เป็นหลัก ชอบ PTTEP PTTGC TOP 2). หุ้น Defesive ปันผลสูง ADVANC SCB AP 3). หุ้น Earning Momentum PLANB ERW ส่วนหุ้นอิงกับ ประเด็นทางการเมือง หากย่อตัวลงมาลึกและนำค่อยๆ ทยอยสะสมในช่วงใกล้กับการ โหวตนายกฯอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนวันนี้ประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1510 – 1535 จุด Toppick เลือก PTTEP, ADVANC, ERW

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย