วันนี้จะมีการประชุม กนง. ซึ่งหากมองจาก Consencus คาดว่าจะเห็นการปรับขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% แต่อย่างไรก็ตามหากประเมินจาก Yield Curveเฉพาะอย่างยิ่งอายุ 1 ปี พบว่ายังอยู่ที่ 2.12%เท่ากับว่าตลาดยังคง ไม่ตอบสนองว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ดังนั้นจึงถือเป็น เรื่องที่น่าติดตาม ทั้งนี้หาก กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เชื่อว่าน่าจะสร้างแรง กดดันต่อ SET Indexเนื่องจากทำให้Market Earning Yield Gapแคบลง และทำ ให้SET Index ที่ระดับปัจจุบันไม่มีUpside ส่วนเศรษฐกิจโลกภาพวันนี้มีน้ำหนัก เป็นกลางถึงบวกเล็กน้อย โดยที่ EU ประกาศ GDP งวด 2Q66 มีGrowth 0.3% QoQ ทำให้หลุดจากภาวะ Technical Recession แต่อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ทั้งสหรัฐ และยุโรป ที่ยังดูไม่ดี ส่วนปัจจัยเรื่องการเมืองบ้านเรา ยังติดตามตามต่อ
คาด SET Index ผันผวนในกรอบแคบและอาจต้องระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเริ่ม เกิดขึ้นบางส่วน กำหนดกรอบการเคลื่อนไหว 1545 – 1565 จุด สำหรับหุ้น Top Pickวันนี้เลือก BJC, CPN และ PTTEP
ปัจจัยภายนอกยังกังวล Recession แต่ยังหวังจีนฟื้นตัว
ยุโรปรายงานตัวเลข GDP ใน 2Q66 +0.3%QoQ มากกว่าคาดที่ +0.2%QoQ ทำให้ ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปรอดพ้นจากภาวะหดตัวมาได้ อย่างไรก็ตามประเด็นความ เสี่ยงเศรษฐกิจ Recession เริ่มกลับมาให้น้ำหนักอีกครั้งช่วงที่มีวันหยุดในบ้านเรา
จากการส่งสัญญาณผ่านตัวเลขทางเศรฐกิจต่างๆ ดังนี้
• ยุโรป ดัชนี ISM Manufacturing เดือน ก.ค. ยังคงอยู่ในโซนหดตัว (PMI
• สหรัฐฯ ดัชนี ISM Manufacturing เดือน ก.ค. อยู่ที่ 46.4 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 46.8 จุด และอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งเป็นโซนหดตัว 9 เดือนติดต่อกัน นอกจากนี้จำนวนเปิดรับสมัครงานใหม่ (Job Opening) เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 9.58 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 9.61 ล้านตำแหน่ง รวมถึงเป็นระดับต่ำสุด ในรอบกว่า 2 ปีอีกทั้งล่าสุด Fitch Rating ยังมีการปรับลดอันดับความ น่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐเป็น AA+ จากระดับ AAA
• จีน ดัชนีPMIManufacturing เดือน ก.ค. อยู่ในโซนหดตัว (PMI
แต่ในอีกมุม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจีนนับแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมายังกลับมาฟื้นตัวได้ไม่ เต็มที่ ทำให้ล่าสุดรัฐบาลจีน (NDRC) ได้เตรียมออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจโดย เน้นไปที่ภาคการบริโภคเป็นหลัก อาทิ
• ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จพลังงาน เพื่อส่งเสริมด้าน EV
• ขยายเวลาทำการของร้านอาหารตามเงื่อนไขของท้องถิ่น สนับสนุนเทศกาล
อาหารและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ
• กระตุ้นการท่องเที่ยว โดยสั่งการให้รัฐบาลท้องถิ่นทำการลดหรือยกเว้น
ค่าธรรมเนียมเข้าชมพื้นที่ท่องเที่ยวในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวน้อย
• จัดหาที่อยู่อาศัยให้เช่าราคาไม่แพงเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ เชื่อว่าจะเป็นความคาดหวังใหม่ต่อการฟื้นตัว เศรษฐกิจจีนให้สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 5% ในปีนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ได้สรุป รวบรวมหุ้นเด่นในแต่ละอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว
สรุป ปัจจัยภายนอกยังกังวล Recession สะท้อนจากจาก PMI ภาคผลิตที่ต่ำกว่า ระดับ 50 จุด อย่างไรก็ตามในระยะถัดไปแต่ยังมีความหวังที่จีนฟื้นตัว ในช่วง 2H66 หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับหุ้นเด่นที่คาด ว่าจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว อาทิ SCGP SCC BEM HANA KCE AOT (BK:AOT) ERW เป็นต้น
หาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% กดดัน Target SET ปลายปี
ในอดีตตั้งแต่ ส.ค.65 – ปัจจุบัน กนง.มีการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วกว่า 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% จึงส่งผลให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 0.75% สู่ ระดับ 2.00%โดยวันนี้จับตาการประชุม กนง. ที่จะมีมติเรื่องของการปรับ หรือ คงอัตรา ดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.00% โดย Bloomberg Consensus คาดว่า กนง.จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.25% ตามการส่งสัญญาณก่อน หน้านี้ของ กนง.
ที่แม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลงอย่างมาก โดย CPI และ Core CPI ของไทยอยู่ใน ระดับที่ต่ำแล้ว 0.55% และ 0.95% ตามลำดับ แต่ด้วยเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางฟื้นตัว ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา ที่สูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดย ธปท. คาด GDP บ้านเราในปี 2566-67 จะขยายตัว 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการ ท่องเที่ยว, ภาคการบริโภค และ ภาคการส่งออก เป็นหลัก
ขณะที่อีกสัญญาณที่บ่งบอกว่า กนง.มีโอกาสสูงที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ คือ Bond Yield 1 ปีของไทยที่ล่าสุดขยับขึ้นสู่ระดับ 2.12% ซึ่งเร่งตัวขึ้นจากช่วงปลาย เดือน ก.ค.66 ที่อยู่ระดับ 2.04% โดยปกติแล้ว Bond Yield 1 ปีกับ Policy Rate ไทย มักปรับตัวในทิศทางเดียวกันเสมอ โดยมีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างกันสูงถึง 0.93(ข้อมูล อ้างอิงตั้งแต่ต้นปี)
ดังนั้นหากกนง.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นระดับ 2.25% จะกดดัน Target SET สู่ระดับ 1542 จุด จากเดิม 1610 จุด(EPS66F เท่ากับ 91.8 บาท/หุ้น, MEYG ที่ 4%, ดอกเบี้ย นโยบายเท่ากับ 2.25%)
สรุป กนง.มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25% ในวันนี้ จากเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสเยอะ ในช่วงครึ่งปีหลัง โดย ธปท. คาด GDP บ้านเราในปี 2566-67 จะขยายตัว 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ หากพิจารณามุมของ Target SET จะถูกกดดันจากระดับ 1610 ตุด สู่ระดับ 1542 จุด
มูลค่าซื้อขายเริ่มฟื้น ช่วยหนุนหุ้นไทย ทดแทนความกังวลการ ขึ้นดอกเบี้ย
เริ่มเห็นมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยทยอยฟื้นขึ้น และกลับมาสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน 5 ใน 8 วันทำการที่ผ่านมา
มูลค่าซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมักจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นขยับขึ้นไปด้วย อีกทั้งยังช่วยหนุนให้ ตลาดหุ้นไทยถูกซื้อขายบน MEYG ที่ต่ำลง หรือ P/E ที่สูงขึ้นได้ สะท้อนจากสถิติใน อดีตย้อนหลัง 10 ปี เวลามูลค่าซื้อขายสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน จะได้ค่าเฉลี่ย MEYG ต่ำลงจาก 4% เป็น 3.5% หรือคิดเป็นค่า P/E (ภายใต้ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25%) เพิ่มขึ้นจาก 16 เท่า เป็น 17.54 เท่า เมื่อคูณกับ EPS66F 91.8 บาท/หุ้น หนุน ให้เป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1610 จุด ซึ่งช่วยชดเชยแรงกดดันหากกนง.มีการขึ้นดอกเบี้ย ในช่วงที่เหลือของปีได้
สรุป ทั้งแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนช่วง 2H66 มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจาก นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น, การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และการความหวังการเร่ง กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจากรัฐบาลใหม่ น่าจะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายกลับมา คึกคัก และช่วยชดเชยแรงกดดันหากกนง.มีการขึ้นดอกเบี้ยวันนี้ได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะนำ หุ้นได้ผระโยชน์จากราคาน้ำมันทำจุดสูงสุดใน รอบ 9 เดือน อย่าง PTTEP และหุ้น Consumption ราคา Laggard อย่าง BJC, CPN
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities