ดูเหมือว่าโอกาสที่จะไม่เกิดการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 ก.ค.66 มี มากขึ้นหลังจากที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การ ที่รัฐสภาใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 41 ตัดสิทธิ์ในการเสนอชื่อ Candidate นายกรัฐมนตรี ซ้ำ เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และได้ร้องขอให้ศาลฯ สั่งให้ เลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาไปจนกว่า ศาลฯ จะมีคำวินิจฉัย ออกมา ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลมีความไม่แน่นอนเพิ่มขั้น โดยมีโอกาสที่จะเกิด สุญญากาศ ของรัฐบาล และ งบประมาณ นานขึ้น หรืออาจเห็นการจัดตั้งรัฐบาล แบบสลับขั้ว ผลดังกล่าวทำให้Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ส่วน ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเป็น PMI ของสหรัฐ-ยุโรป ซึ่งภาพรวมดูไม่ สดใส ขณะที่จีนรายงานตัวเลขสร้างบ้านใหม่ลดลงแรง สร้างความคาดหวังว่า รัฐบาล อาจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆ นี้
SET Index อาจกลับเข้าสู่โหมดผันผวน และ มูลค่าการซื้อขายบาง หลังจากความ ไม่ชัดเจนของการตั้งรัฐบาลมีมากขึ้น คาด SET Index มีแนวรับบริเวณ 1510- 1520 จุด แนวต้าน 1545 จุด Top Pick เลือก PLANB, PTTEP และ SCGP
เศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป ยังเสี่ยง Recession ท่ามกลางความ คาดหวังจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ
วานนี้ S&P Global ได้เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือน ก.ค. ในเบื้องต้น โดย ฝั่งยุโรป ดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 42.7 จุด ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 43.5จุด และเดือน ก่อนที่ 49.9 จุด ซึ่งทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีส่งสัญญาณภาคธุรกิจชะลอตัวต่อเนื่อง (PMI
ขณะที่ฝั่งสหรัฐ แม้ดัชนีPMI ภาคการบริการและ PMI รวมภาคการผลิตและบริการ จะ ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ค. อยู่ที่ 49.0 จุด สูงกว่าตลาดคาด ที่ 46.4 จุด และได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 46.3 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ทำให้คลายความกังวลเรื่อง Recession ไปได้บ้างช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นปิดตัวใน แดนบวกราว +0.2% ถึง +0.5% ขณะที่ดัชนี Dow Jones ค่อนข้าง Outperform และ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 วันติดต่อกัน
ส่วนในฝั่งของจีน คณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีน (NDRC) ได้ออกมา เปิดเผยล่าสุดว่า จีนจะเร่งออกมาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศเร็วๆ นี้ พร้อม ยืนยันว่าจะเสริมเพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการของภาคเอกชน ตั้งแต่การ ขนส่ง ประปา พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทำให้มีความหวังว่า Demand จะกลับมาเพิ่มขึ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ดีดตัวขึ้นกว่า 2%
สรุป ความกังวลเรื่อง Recession ที่เข้ามาเป็นระยะๆ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเกิดความ ผันผวน ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนยังเป็นความหวังของเศรษฐกิจโลกจาก Demand ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาสินค้า Commodities มี แนวโน้มสูงขึ้น โดยหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ อาทิ PTTEP TOP BCP PTT (BK:PTT) SCGP
ประเด็นการเมืองมีโอกาสยืดเยื้อ อาจมีสุญญากาศงบประมาณ ปี 2567 นานขึ้น
ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาขอให้วินิจฉัย กรณีที่ ประชุมรัฐสภาลงมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 ไม่ให้เสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซ้ำ เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการเสนอ “ญัตติซ้ำ” ซึ่งจะถือเป็นการผิดต่อข้อบังคับรัฐสภาในข้อ 41 ทำให้ กระบวนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ประกอบ มาตรา 272 เป็นการกระทำขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ เลื่อนการประชุมรัฐสภาในวันที่ 27 ก.ค.66 ออกไปก่อน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีการ ประชุมกันวันพุธ 26 ก.ค.66 ซึ่งต้องติดตามว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งผลการ วินิจฉัยอาจเป็นได้ 2 แนวทางคือ
• การเสนอชื่อซ้ำ “ไม่เป็นญัตติ” สามารถนำชื่อ Candidate นายกฯจากก้าว ไกล กลับมาเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาได้อีกครั้ง
• การเสนอชื่อซ้ำ “เป็นญัตติ” ไม่สามารถนำชื่อ Candidate นายกฯ จากก้าว ไกล กลับมาเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาได้ และพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการ จัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ขณะที่วันนี้จะมีการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล(โดยพรรคเพื่อไทย จะนำข้อมูลที่ประชุม กับพรรคขั้วรัฐบาลเดิม 4 พรรค) ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีทิศทางเป็นเช่นไร และในวัน พรุ่งนี้ ประธานสภาจะมีการนัดหารือกับวิป 3 ฝ่ายอีกครั้ง ถกประเด็นการเลื่อนวัน โหวตนายกฯ 27 ก.ค.66 จะเกิดขึ้นหรือไม
โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดการณ์ Scenario ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ มี ดังนี้
• กรณีที่ 1 พรรคเพื่อไทย จับมือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมทั้ง 8 พรรค และรอจน สว. หมดอายุในเดือน พ.ค.67 (เกิดสุญญากาศทางการเมืองราว 10 เดือน)
• กรณีที่ 2 พรรคเพื่อไทย จับมือพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ โดยไม่มีพรรคก้าวไกล และยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งจากแนวโน้มของสถานการณ์ปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี แต่หากเป็น กรณี ที่ 1 ก็จะทำให้เกิดสุญญากาศของรัฐบาล และ สุญญากาศของงบประมาณ โดยปกติ แล้วงบประมาณรายจ่ายปี 2567 จะถูกเบิกจ่ายช่วง 1 ต.ค. 2566 – 30 ก.ย.2567 ซึ่ง หากเกิดสุญญากาศจนถึง พ.ค.67 จะทำให้ช่วงเวลาที่จะใช้พิจารณางบประมาณสั้นลง และใช้ประโยชน์ได้ไม่เท่าที่ควร
ดังนั้นประเด็นดังกล่าว คาดทำให้สัปดาห์นี้Fund Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลออกช่วง สั้น และกดดัน SET Index กลับไปทดสอบแนวรับแรกที่ระดับ 1520 จุด และแนวรับ สำคัญที่ 1500 จุด
สรุป ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินภาพการเมืองในช่วงนี้มีโอกาสที่จะเกิดสุญญากาศได้ ซึ่งจะทำ ให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ถูกพิจารณาและเบิกจ่ายได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ ตามต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นเช่นไร ซึ่งภาวะปัจจุบันที่มีความไม่ แน่นอนทางการเมือง จะเป็นปัจจัยกดดัน Flow ต่างชาติไหลออกช่วงสั้น และกดดัน SET Index ระยะถัดไป
หลบความผันผวนจากการเมือง โดยเอนเอียงน้ำหนักมาที่หุ้น Global Play มากขึ้น
ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนต่อจากความร้อนแรงทางการเมือง แต่ยังได้ กระแสจากปัจจัยภายนอกเข้ามาสนับสนุน อาทิ ราคาน้ำมันขยับขึ้นราว 3% ในวานนี้ ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ซึ่งอิงราคา Commodity ถึง 1 ใน 3 ส่วน และยังมีประเด็นความ คาดหวังการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน รวมถึง Fed ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ย หนุน เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติมได
จากปัจจัยดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำเอนเอียงน้ำหนักพอร์ตการลงทุนมาที่หุ้น Global Play หรือหุ้นหวังจีนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆ นี้ มากขึ้น คาดมีโอกาส Outperform ตลาดได้ดีในช่วงนี้ อย่าง SCGP, TOP, BANPU, PTTEP, IVL, PTTGC , III, ERW ฯลฯ
ส่วนวันนี้ประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1520 – 1545 จุด Top pick SCGP, PTTEP, PLANB
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities