การหารือร่วมระหว่าง ประธานสภาผู้แทนราษฎร์ และ ประธานวุฒิสภา ได้ข้อสรุป ว่าจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 13 ก.ค.66 (พฤหัสบดีหน้า) ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการเมืองบ้านเรา และต้องติดตาม อย่างใกล้ชิดเนื่องจากจนถึงปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนระดับสูง ขณะที่ฉากทัศน์ กรณีเลวร้ายอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของมวลชนนอกสภา ในส่วนของตลาด หุ้นไทย ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ก่อนการโหวต เชื่อว่าจะอยู่ในภาวะที่ผันผวน และมี Upside จำกัดอยู่ที่บริเวณไม่เกิน 1520 จุด หลังจากนั้นการเคลื่อนไหวจะขึ้นอยู่ กับการโหวตเลือกนายกฯ ทั้งนี้สิ่งที่ตลาดอยากเห็น คือกระบวนการโหวตเลือก นายกฯ ที่ไม่ยืดเยื้อ และ ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ - เอกภาพ ซึ่งถือเป็น Best Case กรณีนี้จะทำให้ตลาดเกิดความเชื่อมั่นและปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ
คาดว่า SET Index ในช่วงเวลาก่อนถึงกำหนดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี น่าจะ ผันผวน และมีUpside ที่จำกัดอยู่บริเวณ 1520 จุด (แนวต้าน) ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1495 จุด หุ้น Top Pick เลือก ADVANC, AOT (BK:AOT) และ PTTEP
เงินเฟ้อไทย มิ.ย. +0.23%YoY ต่ำสุดในรอบ 22 เดือน
กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน มิ.ย. + 0.23%YoY ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ 0.53%YoY อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน และ ต่ำสุดในกลุ่ม ASEAN โดยหลักๆ ชะลอตัวจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าในหมวด อาหาร อาทิ เนื้อหมู ผักสด น้ำมันพืช ฯลฯ ทำให้เงินเฟ้อไทย 1H66 อยู่ที่ +2.49%YoY
ส่วน Core CPI ล่าสุดอยู่ที่ + 1.32%YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.4%YoY และเดือน ก่อนที่ 1.55%YoY) ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีจากการชะลอตัวลงมาต่อเนื่อง ในอีกมุม หนึ่งยังสะท้อนได้ว่าการบริโภคที่ขยายตัว ทำให้ยากต่อการเกิดเงินฝืดในบ้านเรา
กระทรวงพาณิชย์ ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 จะอยู่ที่ 1-2% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.5%) และ คาดว่าเงินเฟ้อไทยช่วง 3Q66, 4Q66 จะทรงตัวระดับต่ำที่ +0.77%YoY และ +0.62%YoY ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รวมถึงราคา สินค้าหมวดอาหารมีแนวโน้มลดลง (ผลผลิตเพิ่ม) ประกอบกับฐานราคาช่วง 2H65 อยู่ ในระดับสูง ทั้งนี้ต้องติดตามปัญหาภัยแล้ง ที่จะเป็นภัยร้ายขัดขวางให้เงินเฟ้อย่อตัว
ขณะเดียวกันเงินเฟ้อในฝั่งผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย. อยู่ที่ -6.6%YoY ซึ่งยังคงหดตัว ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และด้วยต้นทุนผู้ผลิตที่ลดลง อาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายไม่ จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า เพื่อส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภค
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มชะลอลงเด่นกว่าหลายประเทศ และต่ำกว่า กรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3% จะช่วยหนุนให้ กนง. มีโอกาสชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ในการประชุมรอบเดือน ส.ค. นี้ อีกทั้งยังสะท้อนได้จาก Bond Yield ของไทยระยะสั้น อายุ 3 เดือน อยู่ที่ 1.90% ซึ่ง ณ ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% จะส่งผลให้ SET Index มีแนว ต้านทางพื้นฐานแรกอยู่ที่ 1542จุด (ภายใต้ MEYG = 4%)
สรุป เงินเฟ้อไทยที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้กระทรวงพาณิชย์ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 จะอยู่ที่ 1-2% ซึ่งอยู่ในโซนต่ำกว่า ดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 2.0% จึงเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ กนง. มีโอกาสชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป แนะนำหุ้นเด่นสุดใน 4 Sectors รับเงินเฟ้อชะลอตัว คือ TIDLOR, CRC, SIRI, ERW,
ตลาดผันผวน หาหุ้น Trading ช่วง7 วัน ก่อนโหวตนายกฯ
วานนี้ (5 ก.ค.66) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผล การหารือกับประธานวุฒิสภาว่าจะมีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค. 66 เวลา 09.30 น. ซึ่งเหลือเวลาอีก 7 วันเท่านั้น ซึ่งการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรีต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความว่าต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คนขึ้นไป ทั้งนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการลงมติข้อตกลง MOU ร่วมกันมีเพียง 312 เสียงซึ่งขาดอีก 64 เสียงถึงจะมีคะแนนเสียงสนับสนุนเลือกนายกรัฐมนตรีได้ซึ่งต้อง เพิ่งพาเสียงสนับสนุนจาก สว. บางส่วน ขณะที่เคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละ พรรคที่มีการแจ้งไว้ที่ กกต. ช่วงลงรับสมัครเลื่อกตั้ง มีดังนี้
1. พรรคก้าวไกล : พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
2. พรรคเพื่อไทย : 1.1) เศรษฐา ทวีสิน 1.2) แพทองธาร ชินวัตร 1.3) ชัยเกษม นิติสิริ
3. พรรคภูมิใจไทย : อนุทิน ชาญวีรกุล
4. พรรครวมไทยสร้างชาติ:2.1) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2.2) พีรพันธุ์ สาลี รัฐวิภาค
5. พรรคพลังประชารัฐ: พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
6. พรรคประชาธิปัตย์:จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินความเป็นไปได้ และ ผลกระทบมายัง SET Indexเป็น 3 แนวทาง บนความเชื่อว่า นักลงทุนต้องการเห็น การโหวตเลือกนายกที่ไม่ยืดเยื้อ และ ได้มาซึ่ง รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ
1. กรณี สว. โหวตสนับสนุน คุณพิธา เป็นนายกฯ โดยได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 เสียงขึ้นไป จาก 750 เสียง(ตั้งแต่การโหวตครั้งแรก) คาดกรอบ SET 1550- 1600 จุด
2. กรณี สว. ไม่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ แต่ นายกรัฐมนตรีเป็น ตัวแทนจาก 8 พรรค ที่ลงนามใน MOU จัดตั้งรัฐบาล โดยอาจจะเสนอชื่อแคนดิ เดตจากพรรคร่วมขึ้นมาแทน คาดกรอบ SET 1480-1550จุด
3. กรณี สว. ไม่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ และเกิดการเปลี่ยนขั้วในการ จัดตั้งรัฐบาลขึ้น คาดทำให้ SET Index เปิด Downside Risk อีกครั้ง โดยต้อง ทบทวนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่อีกที ว่าจะมีพรรคใดร่วมกันบ้าง
ช่วงเวลาที่เหลือ 1 สัปดาห์ ก่อนโหวตเลือกนายกฯ โดยธรรมชาตินักลงทุนอาจเกิด ความกังวลและคิดออกมาหลายฉากทัศน์ด้วยกันว่าใครจะได้เป็น นายกฯ คนที่ 30 ของ ไทย? ในเชิงการกำหนดกลยุทธ์การลงทุน อาจเริ่มให้ความสนใจกับหุ้นที่ ช่วงก่อนหน้า นี้ถูกแรงกดดันจาก ความกังวลกรณี นโยบายหลักๆ ของพรรคก้าวไกล ถูกนำมา ปฎิบัติ ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นเหล่านี้ หลายตัวราคาต่ำกว่า Fair Value ทำให้น่าจับตามอง
หุ้นที่จะช่วงก่อนหน้าราคาปรับตัวลงแรง บนความกังวลเรื่องผลกระทบจากมาตรการ ของพรรคการเมืองที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นมี Upside จาก Fair Value มาก พอสมควร อาจเป็นเป้าหมายในการนำมา Trading อาทิ หุ้นถูกมองเป็นธุรกิจกึ่ง ผูกขาด CPALL (BK:CPALL) CRC CPN, หุ้นโรงไฟฟ้า GULF, BGRIM, หุ้นรายได้อิงโครงการรัฐ CK BEM, หุ้นหวังพึงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม TIDLOR, MTC เป็นต้น
ส่วนภาพ SET Index วันนี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1495 – 1510 จุด หุ้น Top pick แนะนำหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว PTTEP (ราคาน้ำมันขึ้น), ADVANC (คาดงบ2Q66 เด่น), AOT (เป็นหุ้นผันผวนต่ำ)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities