🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

ผ่อนคลายระดับหนึ่ง ... รอลุ้นโหวต นายกฯ 

เผยแพร่ 05/07/2566 09:49
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ผลการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์ และ รองประธานสภาฯ 2 ตำแหน่ง ผ่านไป ได้ด้วยดี สร้าง Sentiment เชิงบวกและเราเชื่อว่าน่าจะมีMomentum เหวี่ยงขึ้นไป ที่บริเวณ 1520 จุดได้ แต่หลังจากนั้นต้องรอลุ้นผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลางเดือน ก.ค. 66 ทั้งนี้ความเห็นในเรื่องนี้ยังแตกออกเป็น หลายทางเลือก ถือว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก อย่างไรก็ตามในมุมของตลาด หุ้น ผลสรุปที่จะทำให้SET Index ตอบสนองเชิงบวกมากที่สุด จะต้องเห็นผลสรุป เรื่องการโหวตเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลที่เร็ว ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลที่จะตั้ง มาบริหารประเทศ ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ กล่าวคือมีเสียงมากพอที่จะ ขับเคลื่อนนโยบาย เฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจ หากเป็นตามแนวทางดังกล่าวระดับ 1545 จุด หรือ อาจเป็น 1600 จุด ก็มีความเป็นไปได้

ประเมินว่า SET Index วันนี้ยังมีMomentum เหวี่ยงขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านที่ 1520 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1500 จุด หลังจากนี้ รอลุ้นผลการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรี หุ้น Top Pick เลือก ADVANC, PTTEP และTIDLOR

ประเด็นการเมืองใกล้ได้ตัวนายก หนุน FLOW ต่างชาติไหลเข้า SET ระยะถัดไป

ประเด็นการเมืองมีสัญญาณบวกและความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น หลัง การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์-รองสภาผู้แทนราษฎร ผ่านไปด้วยดี กล่าวคือ

• ประธาน = คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ

• รองประธานฯ คนที่ 1 = คุณ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. จากพรรคก้าวไกล

• รองประธานฯ คนที่ 2 = คุณ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. จากพรรคเพื่อไทย

ขณะที่วาระถัดไป ประธานสภาจะเรียกประชุมรัฐสภา (สภาผู้แทนราษฎร์ + วุฒิสภา) เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นมีการเผยแพร่เป็นกระแสข่าวผ่านสื่อต่างๆ ว่าจะเป็น วันที่13 ก.ค. 66 หากผ่านพ้นไปด้วยดี ก็จะเป็นขั้นตอนของการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุด ใหม่ ซึ่งจะเริ่มทำงานได้หลังจากที่ได้ผ่านการ ถวายสัตย์ปฎิญาณต่อพระเจ้าอยู่หัว แล้ว

ปัจจัยการเมืองที่ดูผ่อนคลายขึ้นตามลำดับสร้าง Sentiment เชิงบวกเห็นได้จากเม็ด เงินต่างชาติทยอยไหลเข้าประเทศไทย ทั้งในส่วนของตราสารหนี้ และตลาดหุ้น โดย 5 วันที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิทั้งหุ้น และตราสารหนี้ไปกว่า 1.1 พันล้านบาท และ 1.4 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จนทำให้ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 34.87 บาท/เหรียญฯ (แข็งค่า กว่า 1% ในช่วงเวลาเดียวกัน) ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี ต่างชาติยังคงขายสุทธิทั้งหุ้น และตรา สารหนี้ไปกว่า 1.1 แสนล้านบาท และ 7.0 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ นั้นแสดงให้เห็นว่า ยังมีช่องว่างอีกมาก ให้ต่างชาติสามารถซื้อสุทธิได้

อย่างไรก็ตามประเด็นการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความว่าต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คนขึ้นไป ทั้งนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการลงมติข้อตกลง MOU ร่วมกันมี เพียง 312 เสียงซึ่งขาดอีก 64 เสียงถึงจะมีคะแนนเสียงสนับสนุนเลือกนายกรัฐมนตรีได้ซึ่งต้องเพิ่งพาเสียงสนับสนุนจาก สว. บางส่วน จากการประมวลข้อมูลที่ออกมา พบว่ากระแสความเห็นยังแตกออกเป็นหลายทางเลือก สะท้อนภาพความไม่แน่นอนของ ขั้นตอนนี้ยังมีอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ในมุมของตลาดหุ้น ทางเลือกที่เป็นผลดีที่สุด คือ ต้องสามารถจบกระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีได้โดยเร็ว และ รัฐบาลที่จะเข้ามา บริหารประเทศ ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ กล่าวคือมีเสียงสนับสนุนมากพอ และ มี แนวทางในการทำงานที่เป็นเอกภาพ

ดังนั้นภายใต้ประเด็นการเมืองที่มีสัญญาณที่ดีขึ้น และเริ่มเข้าใกล้จุดไคล์แม็กซ์ ทำให้ ตลาดหุ้นไทยดูมีเสน่ห์มากขึ้น หลังปรับฐานลงมาลึกในช่วงเดือนที่ผ่านมา และเชื่อว่า น่าจะมี Fund Flow ต่างชาติไหลเข้ามาสะสม เพื่อหวังผลในระยะกลางถึงยาว โดยวันนี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในกรอบ 1500-1520 จุด และหากการจัดตั้ง รัฐบาลผ่านไปด้วยดี การทะลุระดับแนวต้านขึ้นไปใกล้ 1550 จุด ก็ดูไม่ยาก

แนะนำหุ้น Theme เงินเฟ้อไทยเข้าสู่โหมดขาลง

เช้านี้เวลา 10.30 น. บ้านเราจะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน มิ.ย. 2566 โดย Consensus คาดว่าอยู่ที่ +0.0%YoY หรือไม่ขยายตัวจากปีก่อน และชะลอตัวจาก เดือน พ.ค. ที่ +0.53% ส่วน Core CPI มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.4%YoY

ฝ่ายวิจัยฯ ได้ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปของไทยทั้งปี 66 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ +1.9%YoY ภายใต้สมมติฐาน CPI Growthระยะถัดไปขยายตัว 0.4%MoM ตามตลาดคาด ซึ่งถือ ว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่า CPI เฉลี่ย 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 66) ที่ +3.0%YoY และยังต่ำ กว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3% และกระทรวงพาณิชย์ที่ 2.2%

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ของไทยในระยะถัดไปมีแนวโน้มทรงตัวมากขึ้น หาก CPI Growth เป็นไปตามตลาดคาดที่ 0.1%MoM ซึ่งจะทำให้Core CPI ตลอดทั้งปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.4%

เงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และเฉลี่ยทั้งปีอาจน้อยกว่ากรอบเป้าหมาย ซึ่งจะ อยู่ในโซนต่ำกว่าดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 2.0% ทำให้การเว้นวรรคปรับขึ้นดอกเบี้ยในการ ประชุม กนง. วันที่ 2 ส.ค. นี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่าได้รับประโยชน์ ในช่วงเงินเฟ้อชะลอตัวลง

สรุป เงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจน และอยู่ในโซนต่ำกว่าดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 2.0% จึงเชื่อว่าการหยุดขั้นดอกเบี้ยชั่วคราวในการประชุม กนง. รอบเดือน ส.ค. นี้มี โอกาสเกิดขึ้นได้ ทำให้เป็นบวกต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นอิงกับการบริโภคในประเทศ

กำแพงกัน Upside ของ SET ค่อยๆเปิดออก

กำแพงที่เคยกั้นขวาง Upside ของ SET Index ให้ Underperform ตลาดหุ้นโลก ค่อย เปิดออก ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. ประเด็นการเมือง เริ่มเข้าใกล้ผลลัพธ์สุดท้ายเข้ามาทุกที ถ้ารัฐบาลใหม่จัด ตั้งอยู่ในฝั่งเสียงข้างมาก ช่วยให้ความกังวลและแรงกดดันต่างๆ ต่อตลาดหุ้นที่ ผ่านมาลดน้อยลง และน่าจะเห็นการกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ อีกครั้งในช่วงที่เหลือของปี อาจช่วยหนุน EPS ตลาดให้เพิ่มขึ้นได้โดย ESP ที่ เพิ่มขึ้น 1% หนุน ดัชนีเป้าหมายของ SET ให้เพิ่มขึ้นได้ 15จุด

2. เงินเฟ้อไทย มีแนวโน้มชะลอลงเด่นกว่าหลายประเทศ ช่วยหนุนให้กนง. มี โอกาสชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ซึ่ง ณ ดอกเบี้ยนโยบาย ที่ 2% จะส่งผลให้ SET Index มีแนวต้านทางพื้นฐานแรกอยู่ที่ 1542 จุด (ภายใต้ MEYG = 4%)

3. เริ่มเห็น Fund Flow ต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดการเงิน โดยช่วง 5 วันทำ การที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดการเงิน 1.56 หมื่นล้านบาท (เข้าตลาดหุ้น 1.1 พันล้านบาท , เข้าตลาดตราสารหนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท) หากมี Momentum ไหลเข้าต่อเนื่องจะช่วยหนุนสภาพคล่อง และ Upside ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น หากอิง MEYG (-0.5SD) = 3.7% ถือว่า Conservative มากเมื่อเทียบกับ ตลาดหุ้นหลายๆ แห่งทั่วโลก (ส่วนใหญ่ MEYG ต่ำกว่า 3.5%) หนุนเป้าหมาย SET Index เพิ่มขึ้นมา 68 จุด หรือจาก 1520 จุด มาอยู่ที่ 1610 จุด

สรุป กำแพงกัน Upside ของ SET ค่อยๆเปิดออก หากปัญหาทางการเมืองคลี่คลาย แนวต้านทางพื้นฐานแรกจะอยู่ที่ 1542 จุด และถ้าสภาพคล่องเพิ่มหรือ Fund Flow ไหล เข้า จะขยับขึ้นมาที่ 1610 จุด และยังมี Top up ส่วนเพิ่ม ถ้า EPS ตลาดเพิ่มทุก 1% จาก มาตการกระตุ้น ช่วยเพิ่ม Upside ได้อีก 15 จุด

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย