การปรับลดของ SET Index19.33 จุด วานนี้ หากตัดผลกระทบ DELTA ออกไป พบว่า SET Index อยู่ในสถานะที่เป็นบวก 2.55 จุด ส่วนทิศทางหลังจากนี้ เป็นไป ได้ที่ DELTA อาจปรับลงได้ต่อแต่ด้วยอัตราที่ลดลง หากอ้างอิงรูปแบบการ เคลื่อนไหวของราคาในอดีตเชื่อว่าจะยังไม่ทำให้SET Index หลุดระดับ 1520 ลง ไปได้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เราได้กำหนด Theme การลงทุนไว้ 2 แนวทาง เริ่มจากการดูพฤติกรรมในรอบที่หุ้น DELTA ถูกขายในอดีต พบว่าทำให้เกิดแรง ซื้อในหุ้นบางส่วนเข้ามาทำให้ผลตอบแทนเป็นบวก เช่น AOT (BK:AOT), BEM, CPN, CRC และ กลุ่มธนาคารใหญ่ อีกแนวทางหนึ่ง เรามองไปที่หุ้นที่เกิด Window Dressing ช่วงสิ้นไตรมาส 2 เช่น AOT, SCGP, GULF และ SCC เป็นต้น ในเชิงกลยุธ์ นัก ลงทุนอาจสะสมหุ้นดังกล่าว เพื่อการลงทุนระยะกลาง-ยาว
SET Index ปรับลดลงมาด้วยแรงกดดันจากหุ้น DELTA ที่ถูกขาย อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าจะไม่ทำให้SET Index ปรับลดลงไปต่ำกว่าแนวรับที่ 1520 จุด ส่วนแนว ต้านอยู่ที่ 1545 จุด หุ้น Top Pick เลือก AOT, SCGP และ JMT
กลุ่มประเทศพัฒนาอาจขึ้นดอกเบี้ยต่อ กดดันเม็ดเงินไหลออก สินทรัพย์เสี่ยง
ด้วยอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ยังอยู่ระดับสูงในปัจจุบัน (อังกฤษ +8.7%YoY, ยุโรป +6.1%YoY, สหรัฐฯ +4.0%YoY) กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ ธนาคารกลางต่างๆ ยังคงจำเป็นต้องเร่งจัดการกับปัญหาดังกล่าว และมีมุมมองต่อ การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อาทิ
• Fed อาจจะยังมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ 5.50% ในการประชุมรอบ เดือน ก.ค. (ตามการสำรวจของ Fed Watch Tool) ขณะที่ Dot Plot ล่าสุด ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 5.1% เป็น 5.6% ส่วนในวันที่ 21-22 มิ.ย. นายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed จะมีการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ต่อสภาคองเกรส
• BoE ยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 5.75% - 6% (ปัจจุบัน 4.5%) และตามการคาดการณ์ของ Bloomberg พบว่า กรณีที่ ดอกเบี้ยขึ้นไปถึง 6% อาจทำให้ GDP มี Downside สูงถึง2% ซึ่งจะยิ่งเพิ่ม ความเสี่ยงต่อการเกิด Recession มากขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อกลับมาพิจารณาอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่อยู่ใน ระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้ความจำเป็นในการเร่งขึ้นดอกเบี้ยมีไม่มาก
ความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อาจกดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากสินทัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย และสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ ผลตอบแทนสูงขึ้น สะท้อนได้จาก BTFP ที่เพิ่มขึ้น รวมถึง Bond สหรัฐฯ ถูกซื้อสุทธิ 3.9 แสนล้านเหรียญฯ (เดือน ม.ค. - เม.ย. 66) ส่วน Bond ยุโรป ถูกซื้อสุทธิ1.4 แสน ล้านเหรียญฯ (เดือน ม.ค. - เม.ย. 66
ขณะที่ Fund Flow ต่างชาติอีกส่วนหนึ่งมีโอกาสไหลเข้ามาตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น จากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โดยปัจจุบันไหลเข้า สินทรัพย์เสี่ยงโซนเอเชียเหนือเป็นหลัก อาทิ ญี่ปุ่นถูกซื้อสุทธิ 4.5 หมื่นล้านเหรียญฯ (Ytd) ไต้หวัน 1.3 หมื่นล้านเหรียญฯ (Ytd) เกาหลีใต้ 9.1 พันล้านเหรียญฯ (Ytd) ขณะที่โซนเอเชียใต้มีการซื้อสลับขายสุทธิ โดยอินโดนีเซียถูกซื้อสุทธิ 1.1 พันล้าน เหรียญฯ ขณะที่ฟิลิปปินส์และไทยถูกขายสุทธิ 492 ล้านเหรียญฯ และ 2995 ล้าน เหรียญฯ
สรุป อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ-ยุโรปที่ยังอยู่ระดับสูงในปัจจุบัน สวนทางกับฝั่งเอเชีย ส่งผลให้ธนาคารกลางในฝั่งสหรัฐ-ยุโรป มีแนวโน้มเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งอาจ กดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากสินทัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ ผลตอบแทนสูงกว่า และอีกส่วนหนึ่งอาจไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงโซนเอเชียมากขึ้น
หาหุ้นสถาบันฯ ขาย DELTA แล้วจะไปไหน?
วานนี้SET Index ลดลง -19.33 จุด ส่วนหนึ่งมาจากหุ้น DELTA ที่ปรับฐานลงแรงถึง -18.3% (กดดัน SET Index ย่อตัว -21.9 จุด) จากตลาดขึ้นเครื่องหมายหุ้นที่มีความ เคลื่อนไหวผิดปกติ รวมถึงมีความเสี่ยงหลุด SET50 และ SET100 ในรอบถัดไป เพิ่มขึ้น ความกังวลดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันฯ ขายสุทธิหุ้นไทย วานนี้สูงถึง -2.7 พันล้านบาท โดยขายสุทธิในวันเดียวสูงสุดในรอบ 5 เดือน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็น การทยอยขาย DELTA เพื่อลดความเสี่ยง
ดังนั้นฝ่ายวิจัยทำการวิเคราะห์หา หุ้นที่สถาบันฯ ขาย DELTA แล้วจะไปไหน?แบ่งออก ได้ 2 กลุ่ม คือ
1. หาหุ้นใหญ่ที่มักขึ้นได้ดี ช่วงที่ DELTA ปรับฐานลงแรง และติด Trading Alert ในเดือน เม.ย. 66 และปัจจุบันฝ่ายวิจัย แนะนำ Outperform อย่าง AOT, BEM, CPN, BBL, SCB, KTB
2. หาหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีโอกาสถูกทำ Window Dressing สูง ในช่วงก่อนสิ้น ไตรมาส 2 หรือหุ้นที่มักจะให้ผลตอบแทนชนะตลาดในช่วง ครึ่งหลังของเดือน มิ.ย. ย้อนหลัง 5 ปี (Alpha >0) อย่าง SCGP, GPSC, SCC, CBG, GULF, TU
สรุป รายชื่อหุ้นดังกล่าวมีโอกาสได้แรงหนุน จากการกระจายการลงทุนของนักลงทุน สถาบันฯ หลังจากขายลดความเสี่ยงในหุ้น DELTA บางส่วน และน่าจะ Outperform ตลาดในช่วงนี้ ที่มีสภาพคล่องต่ำกว่าปกติมากได้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities