🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

SET Index ไม่มีแรงขับเคลื่อน 

เผยแพร่ 19/06/2566 09:32
SETI
-

ปัจจุบันตลาดหุ้นบ้านเรามีขนาดMarket Capรวมอยู่ที่กว่า 19 ล้านล้านบาท แต่ ในอีกทางหนึ่งกลับพบว่ามูลค่าการซี้อขายกลับปรับตัวลดลง เห็นได้จากระดับ Turnover ช่วง Ytd ปรับลดลงมาเหลือต่ำเพียง 66% ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่เพียง พอที่จะพยุง SET Index ให้อยู่ระดับสูงได้ นอกจากนี้เรายังอยู่ในภาวะที่ Fund Flow จากนักลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งแรงกดดัน ส่วน ประเด็นเรื่อง MORE และ ล่าสุด STARK ก็มีส่วนทำให้ระดับความเชื่อมั่นของนัก ลงทุนลดลง และน่าจะทำให้Turnoverของตลาดหุ้นบ้านเรายังมีโอกาสปรับลดลง ด้วยภาวะดังกล่าทำให้เราเห็นว่า SET Index อยู่ในภาวะที่ไม่มีแรงขับเคลื่อน ส่วน ประเด็นที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คงเป็นการรับรองผลการเลือกตั้งของ กกต. ซึ่ง คาดว่าจะเป็น 21 มิ.ย.66 และกำหนดการเปิดสมัยประชุมรัฐสภา

มูลค่าการซื้อขายที่เบาลง ขณะที่ Fund Flow ต่างชาติยังไหลออก ทำให้ Turnover ต่ำกว่าเกณฑ์ และไม่สามารถขับเคลื่อน SET Index ได้ คาด SET Index อยู่ในกรอบ 1550 –1575 จุด Top Pickเลือก AOT (BK:AOT), PTTGC และ SCGP

สินค้า Commodities มีแววพุ่ง จากความเสี่ยงเชิงภูมิ รัฐศาสตร์ + ความหวังจีนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

สินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง จากปัจจัยแวดล้อมในต่างประเทศเป็น หลัก โดยเริ่มจากความขัดแย้งระหว่างระเซีย-ยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลัง วลาดีมีร์ ปูติน ประกาศว่ารัสเซียได้ส่งอาวุธนิวเคลียร์ชุดแรกไปที่ฐานปฏิบัติการใน เบลารุสแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมใช้งานในกรณีที่ดินแดนหรือรัสเซียถูกคุกคาม อีกทั้ง ความพยายามในการสานสัมพันธ์สหรัฐฯ –จีน ยังเป็นไปอย่างเย็นชา จากการพบปะ กันระหว่าง แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ และ รมว.ต่างประเทศจีน ทำให้ โอกาสที่จะแก้ปัญหาขัดแย้งต่างๆ ระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ค่อนข้างเลือนราง

นอกจากนี้สัญญาณเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอในช่วงต้นปี สะท้อนจากการชะลอตัวใน หลายตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ, ดัชนี PMI ภาคการผลิต, การนำเข้าส่งออก, ยอดขายบ้าน ฯลฯ ทำให้ช่วง 2H66 มีความหวังจากการมาตรการกระตุ้น เศรฐกิจจีนชุดใหญ่ ซึ่งเป็นปัจจันหนุนสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของ Demand ทั่วโลก

ขณะเดียวกันยังเริ่มเห็นสัญญาณในภาคการค้าที่มีทิศทางที่ดีขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งยอด นำเข้าของจีนเดือน พ.ค. -4.5%YoY ที่หดตัวน้อยกว่าตลาดคาดที่ -8.0%YoY และ ติดลบน้อยกว่าเดือนก่อนที่ -7.9%YoY ซึ่งถือว่าเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อบ้านเรา เนื่องจากการนำเข้าสินค้าของจีน - การส่งออกไทย มีค่า Correlation สูงถึง 0.67 ดังนั้น ยอดนำเข้าของจีนในเดือน พ.ค. ที่หดตัวน้อยกว่าคาด เชื่อว่าจะส่งผ่านมายัง ภาคการส่งออกบ้านเราในเดือน พ.ค. ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน (คาดกระทรวงพาณิชย์ รายงานช่วง23 -28 มิ.ย.66)

และเมื่อเทียบ ภาคการค้าระหว่าง ไทย-จีน ถือว่ามีความสัมพันธ์กันค่อนมาก โดยจีน มีการนำเข้าสินค้าจากไทยในปี 2565 สูงสุดเป็นอันดับ 12 ของโลก คิดเป็นสัดส่วน 2.08%ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด ขณะที่ไทยมีการส่งออกสินค้าไปจีนในเดือน เม.ย. 2566 สูงสุดเป็นลำดับที่ 1 ของโลก คิดเป็นสัดส่วน 17.1%ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด

สรุป ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลังจากนี้มีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงเชิงภูรัฐศาสตร์ที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงความคาดหวังที่ Demand ทั่วโลกจะกลับมาเพิ่มขึ้น จากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจจีนชุดใหญ่ ขณะที่ภาค การค้าระหว่างไทย-จีน เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องและคาดว่าจะ ได้รับประโยชน์ อาทิ PTTGC, SCGP, III, HANA, KCE, TFG, TU, CPF เป็นต้น

ปัจจัยในประเทศ มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย มูลค่าซื้อขายหด

ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ได้ติดเครื่องหมาย SP (ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์จด ทะเบียนเป็นการชั่วคราว) แก่ STARK และได้นำออกจากการคำนวณดัชนี SET100(มี ผลตั้งแต่ 7 เม.ย.66) หลัง STARK ไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2565 ซึ่งล่าสุด STARK มี ส่งงบการเงินปี 2565 ที่แท้จริง พบผลการดำเนินงานพลิกจากกำไรเป็นขาดทุน ประเด็นดังกล่าว อาจทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยได้ เฉกเช่นใน อดีตช่วงปลายปีที่แล้ว หรือ พ.ย.65 ที่มีประเด็นหุ้น MORE สังเกตได้จาก ในก่อนหน้า มูลค่าซื้อขายผ่านบัญชี Margin เคยอยู่สูงระดับ 2 แสนกว่าล้านบาท/เดือน (ในช่วง ต้น-กลางปี 2565) ขณะที่ปัจจุบันผ่านเหตการณ์หุ้น MORE และ STARK มามูลค่าซื้อ ขายผ่านบัญชี Margin เดือน เม.ย. 66 ลดลงอยู่ระดับ 7.6 หมื่นล้านบาท/เดือน เท่านั้น เป็นอีกมุมที่กดดัน Turnover ของ SET ให้ปรับตัวลดลงอีก ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ ระดับ 66.0%(Ytd) ขณะที่ปี 2021-2022 Turnover SET อยู่ระดับ 80%-110%

ในส่วนของประเด็นการเมือง มีสัญญาณบวกและความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล มากขึ้น หลังสัปดาห์นี้มีโอกาสเห็นความชัดเจนเก้าอี้ประธานสภาฯ และรัฐมนตรี กระทรวงต่างๆ ซึ่งจะมีการประชุมพรรคการเมือง 8 พรรค ในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง วันที่ 22 มิ.ย.66 ซึ่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ตำแหน่งประธานสภา ผู้แทนราษฎร จะต้องเป็นไปตามหลักการ คือ เมื่อผลการเลือกตั้ง ส.ส.ได้การรับรอง จาก กกต.อย่างเป็นทางการแล้ว(คาดวันที่ 21 มิ.ย.66) พรรคที่ได้ ส.ส.เป็นอันดับที่ 1 จะได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรคที่ได้อันดับที่ 2 ควรจะได้ตำแหน่ง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 คน เพราะมีคะแนนห่างกันไม่มาก ซึ่งถือเป็นอีก หนึ่งสัญญาณที่ดีของการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่กระบวนการถัดไป คือ การ เปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งต้องใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน (คาดอยู่ในช่วง ต้น ก.ค.66) และเลือก ประธานสภา ขณะที่วาระสำคัญที่สุด คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี (น่าจะอยู่ ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เดือน ก.ค.66) โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความ ว่า ต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คนขึ้นไป ดังนั้นหากเวลาดำเนินไปจนถึงวันโหวต เลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว คะแนนเสียงสนับสนุนไม่ถึง 376 เสียงจาก 750 เสียง ก็จะทำ ให้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้ และเกิดสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด

สรุป SET Index มีโอกาสผันผวนในกรอบแคบ และมีมูลค่าซื้อขายที่เบาบางลงจากใน อดีต หลังมีประเด็นหุ้น STARK กดดันความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ขณะที่ประเด็น การเมืองเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง กกต.คาดจะรับรอง สส. วันที่ 21 มิ.ย.66 และ พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล วันที่ 22 มิ.ย.66 คาดเห็นเห็น ความชัดเจนเก้าอี้ประธานสภาฯ และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ซึ่งถือเป็นประเด็นหนุน ต่อ SET Index ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้ จากคะแนน เสียงสนับสนุนไม่เกินกึ่งหนึ่งของ 750 เสียง (376 เสียงขึ้นไป) จะทำให้มีสูญญากาศไป จนถึง 11 พ.ค.67 ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ตลาดหุ้นประกาศหุ้นเข้าออก SET50 -100 รอบ 2H66

วันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดฯ ประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 รอบ 2H66 ดังนี้

รายชื่อที่ประกาศ ส่วนใหญ่ตรงตามที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ส่วนช่วงต่อ จากนี้คาดหวัง Fund Flow จากสถาบันฯ ทยอยเข้ามาหนุน ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเม็ดเงินจะทยอยไหลเข้าหุ้น SET50 และ SET100 ใหม่ และออกจากหุ้นที่ถูกคัด ออก SET50 และ SET100 ในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่กว่า 59 กองทุน

ในยามที่ตลาดหุ้นมีสภาพคล่องตลาดต่ำ เลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดี มี Fund Flow หนุนจากประเด็น Index Play อย่าง TLI, WHA, ERW, SNNP และ STEC

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย