ความจริงเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทย ที่ไม่ต้องไปโทษใคร ตลาดหุ้นมันลงมาตั้งแต่มกราฯ แล้ว
สถานการณ์จากปลายปี 2565 ตลาดหุ้นไทยถูกคาดการณ์ จากสื่อและกูรูว่าจะพังพินาศเพราะสงคราม และเศรษฐกิจย่ำแย่
แต่ก็ดีดตัวขึ้นมาจากฐาน 1517 ของปี 2565 ขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1695.99 วันที่ 13 มกราคม 2566
เราจะหยิบเหตุการณ์สำคัญๆมาคุยกันดังนี้
13 ม.ค.66 ดัชนีทำจุดสูงสุด 1695.99 ตามมาด้วยกระแส อย่าตกรถ ตลาดหุ้นไทยจะไป 1800-2000 จุด (ทางเพจได้ออกมาเตือนไว้ว่ามันไม่ไปหรอกครับ 1800 จุด ค่อยๆดูไปอยู่กับปัจจุบัน)
จากจุดนั้นตลาดไหลลงมาเรื่อยๆ ดูภาพ กรอบ Channel สีแดง บอกเราว่านี่มันแนวโน้มลง ซึ่งก็เป็นลงเด้งลงมาตลอดทาง
14 มี.ค.66 ดัชนีลงมาที่ 1518.66 ใกล้เคียงโซนดีดตัวจากปีก่อน ทำให้ฟื้นตัวแรง ไปทำจุดสูงสุดของการดีดตัวที่ 1615.29 ในเดือนเดียวกัน แต่ไม่พ้นกรอบสีแดงของขาลง จึงลงต่อทำได้แค่รีบาวด์ หลังจากนั้นก็เป็นลงมาเรื่อยๆ จนไปทำจุดต่ำสุด
3 พ.ค.66 ลงมาทำจุดต่ำสุด 1507.22 ก่อนวันเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นดีดตัวแรง อาจจะเป็นเพราะกระแสเชียร์ให้ซื้อหุ้น Election Rally จากสื่อต่างๆ
11 พ.ค.66 ไปทำจุดสูงสุด 1576.59 แต่ก็ไม่พ้นกรอบขาลงสีแดง
14 พ.ค.66 เลือกตั้งวันอาทิตย์ ตลาดทำจุดต่ำสุดของวันศุกร์ก่อนหน้า 1548.03
15 พ.ค.66 ประกาศผลเลือกตั้งไม่เป็นทางการ ตลาดดีดตัว 1570.62 (ตัวหนังสือสีน้ำเงิน) แต่ก็ไม่พ้นแนวโน้มขาลง จึงลงต่อมาเรื่อยๆ ในปัจจุบัน
ระหว่างที่เป็นขาลงมาตั้งแต่ Q1 จนถึง Q2 ต่างชาติ Short Futures และขายหุ้นมาตลอดทาง
ประกาศตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจล่าสุด 31 พ.ค.66
ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย ลดลง -8.14% จากคาดการณ์ -2% แปลว่ามันแย่มากๆ ครับ
นโยบายของก้าวไกลก็อาจมีส่วน เพราะตลาดหุ้นจะ REACT ไปข้างหน้าเสมอ แต่ความเป็นจริงของตัวเลขปัจจุบันมันก็ไม่ได้ส่งเสริมตลาดหุ้นเชิงบวกซักเท่าไหร่เลย อยากให้คุยกันแบบมีเหตุมีผลมากกว่าครับ
ปล.ส่วนการเทขายพันธบัตรไทยในเดือน พ.ค. จำนวนมาก ความจริงคือเค้าขายมาตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ เพิ่งมาซื้อกลับเยอะต้นเดือน พ.ค. แล้วก็ขายในเดือนเดียวกัน เหตุผลคือ หากดอกเบี้ยขึ้น พันธบัตรรุ่นเก่าก็จะถูกขายออกมาเรื่องปกติครับ และนี่คือเหตุผล กนง.มติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% วันนี้ 31 พ.ค.2566
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่โดยเพจ ม้าเฉียว ดูหุ้น