รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

เริ่มผ่อนคลาย แต่ยังไม่วางใจ 

เผยแพร่ 29/05/2566 09:02
อัพเดท 09/07/2566 17:32

การเจรจาเพดานหนี้สหรัฐ ที่ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นและจะนำไปโหวตในสภาต่อไป ทำให้สหรัฐรอพ้นจากความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ในรอบนี้ไปได้ ประเด็น ดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งน่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ ตลาดหุ้นบ้านเราเช้านี้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามคือความคืบหน้าในการตั้ง รัฐบาลของบ้านเรา หลังจากที่มีกรณีการชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ระหว่างพรรคก้าวไกล กับ เพื่อไทย ในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.66) จะมีการหารือร่วม ของ 8 พรรคที่ร่วมลงนามใน MOU เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหวังว่าจะเกิดความชัดเจน ในตำแหน่งต่างๆ ทั้งทางสภาฯ และ รัฐบาล หากได้ข้อสรุปที่ยอมรับกันของทุกฝ่าย ก็น่าจะทำให้ภาพทางการเมืองในบ้านเราดีขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตลาดหุ้น ก็ยังวางใจไม่ได้เสียทีเดียว เนื่องจากยังเห็น Fund Flow ไหลออกรุนแรง

ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้คาด SET Index มีโอกาสดีดตัวกลับ ขึ้นมาได้ แต่ก็ยังอยู่ภายใต้แนวต้าน 1545 จุด แนวรับอยู่ที่ 1520 จุด หุ้น Top Pick วันนี้เลือก COM7, KTB และ SCGP

เจรจาขยายเพดานหนี้สำเร็จ หนุนตลาดหุ้นฟื้นตัว

วานนี้ทำเนียบขาวและพรรครีพับลิกันบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ 31.4 ล้าน ล้านเหรียญฯ เรียบร้อยแล้ว ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้โดย ข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มเพดานหนี้ไปอีก 2 ปี มีรายละเอียดบางส่วนดังต่อไปนี้

• จำกัดการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลาโหมในปี 2023 ตามดุลพินิจ และเพิ่มขึ้นเพียง 1% ในปี 2025

• เพิ่มค่าใช้จ่ายทางด้านกลาโหมประมาณ 885 พันล้านเหรียญฯ หรือราว 3.3%

• เรียกคืนเงินกองทุนที่เกี่ยวข้องกับโควิดแต่ไม่มีการนำไปใช้กลับมา

• เร่งขั้นตอนการอนุมัติโครงการพลังงานบางรายการ

โดยหลังจากนี้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว จะต้องส่งผ่านไปยังสภาคองเกรสเพื่ออนุมัติ ต่อไป ในวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งการลงนามข้อตกลงนี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนที่สดสำรองของ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะหมดลงในวันที่ 5 มิ.ย. ตามการกล่าวเตือนของนางเจเน็ต เยลเลน รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐฯ

ความกังกลต่อผลกระทบของหากสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ที่สะสมมานานหลายสัปดาห์ได้ ผ่อนคลายลง หนุนให้ตลาดหุ้นโลกดีดตัวแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 1.0% - 2.2% ขณะที่ฝั่งยุโรปปิดตัวในแดนบวกราว 0.7% - 1.6% อีกทั้ง ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียเช้านี้ยังขยับขึ้นได้ดี อาทิ ญี่ปุ่น (+1.5%), ออสเตรเลีย (+1.0%), นิวซีแลนด์ (+0.7%) ฯลฯ จึงเชื่อว่าจะเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้เช่นกัน

สรุป การเจรจาขยายเพดานหนี้ระหว่าง ปธน. และประธาน สส. สหรัฐฯ สำเร็จไปได้ ด้วยดี ทำให้ระดับความกังกลต่อการผิดนัดชำระหนี้สหรัฐฯ ผ่อนคลายลงอย่างมาก หนุนให้ตลาดหุ้นหลายประเทศดีดตัวขึ้นแรง ขณะที่วันนี้คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นในบ้านเราให้เคลื่อนไหวในกรอบ 1520-1545 จุด

FED กลับมามีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ขณะที่บ้านเรา กนง.จะขึ้น ดอกเบี้ยแค่รอบนี้หรือไม่ ??

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน เม.ย. อยู่ที่ +4.4%YoY สูงกว่าคาดที่ +3.9%YoY และเดือนก่อนที่ 4.2%YoY อีก ทั้ง Core PCE ยังสูงกว่าคาดและเดือนก่อนหน้าเช่นกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือน เม.ย.66 อยู่ที่ +4.9%YoY(สูงกว่าเป้าหมายของ Fed) และ Core CPI อยู่ที่ 5.5%YoY ประเด็นดังกล่าว หนุนให้ตลาดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะ ยังคงมีอยู่ โดยการสำรวจของ Fed Watch Tool เผยว่ามีโอกาสสูงถึง 64% และ 52% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยไปสู่ 5.50% ซึ่งในช่วงต้นเดือน ตลาดคาดว่า Fed จะยุติการขึ้น ดอกเบี้ยแล้วในรอบประชุมดังกล่าว

ขณะที่บ้านเรา กนง.จะมีการประชุมวันที่ 31 พ.ค.66 ซึ่ง Bloomberg และตลาดก็คาดว่า จะขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.00% เช่นกัน สังเกตได้จากตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยที่ปรับตัว ขึ้นแรงในเดือน พ.ค.66 อาท

• ตราสารหนี้อายุ 3 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.61% สู่ 1.82% (+21 Bps.)

• ตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.70% สู่ 1.91% (+21 Bps.)

• ตราสารหนี้อายุ1 ปี ปรับขึ้นจาก 1.80% สู่ 1.99% (+19 Bps.)

ขณะที่ระยะถัดไป ต้องติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจไทย อาทิ CPI, GDP และจำนวน นักท่องเที่ยวรายเดือน ว่าจะดีตามคาดหรือไม่ ซึ่งหากออกมาดีกว่าคาด รวมถึงหากค่าเงิน บาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง อาจเป็นความเสี่ยงให้ กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.25%

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

สรุป ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed กลับมาอีกครั้ง หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจ อย่าง PCE ออกมามากกว่าคาด ขณะที่สัปดาห์นี้ กนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย นโยบายสู่ระดับ 2.00% ซึ่งตามกลไกเป็นตัวจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยให้ซื้อ ขายที่ระดับ PE ต่ำลง กดดันกรอบการขยับขึ้นของตลาดหุ้นไทยช่วงสั้น โดยวันนี้มอง กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ระดับ 1520-1545 จุด

ตลาดหุ้นได้แรงหนุน เพดานหนี้สหรัฐ และการเมืองไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น

สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ดี โดยเช้านี้ Dow Jones Futures บวกต่ออีก 100 จุด ต่อ จากวันศุกร์ที่แล้วที่ขึ้นไปกว่า 328 จุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย อย่าง ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เช้านี้ + 2% รวมถึงราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นขึ้นจาก 71 เหรียญในวันพฤหัสที่ผ่านมา ล่าสุดมาอยู่ที่ 73.25 เหรียญ ได้แรงหนุนมาจากปัญหาเพดานหนี้สหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลง

ขณะที่ประเด็นการเมืองในประเทศ จุดสำคัญอยู่วันที่ 30 พ.ค. 66 จะมีการหาลือพรรค ร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล อาจทำให้เห็นทิศทางว่าที่รัฐมนตรีต่างๆ และว่าที่ประธานสภา ได้ชัดขึ้น คาดว่าจะช่วยหนุนให้เห็นจุดร่วม และคลายความสงสัยในประเด็นต่างๆ ได้

ทั้งประเด็นปัญหาเพดานหนี้สหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลง รวมถึงการเมืองจะเห็นซึ่งน่าจะ เป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ยังชื่นชอบ COM7, KTB และหุ้นลงลึกเกินปัจจัยพื้นฐาน อย่าง SCGP เป็น Toppick ในวันนี้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย