UPSIDE จำกัดถ้าขาด FUND FLOW หนุน 

เผยแพร่ 24/05/2566 09:16
SETI
-

แม้SET Index จะเริ่มยืนได้ และขยับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่เราก็ยังเห็นว่ากรอบบน ในการปรับตัวขึ้นยังมีอยู่จำกัด ทั้งนี้เป็นเพราะการที่ยังขาดแรงหนุนจาก Fund Flow โดยนับตั้งแต่วันหลังการเลือกตั้งทั่วไปจนถึงปัจจุบันพบว่านักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิต่อเนื่อง แยกเป็นการขายจากตลาดหุ้น 1.6 หมื่นล้านบาท และขายใน ตลาดตราสารหนี้ 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ทั้งนี้ตัวแปรสำคัญเป็นสถานการณ์การเมืองที่อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความ ไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตามในระยะกลาง เมื่อสถานการณ์ต่างๆ เริ่มเข้ารูปเข้ารอย เช่น การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จและเริ่มเดินหน้าบริหารประเทศ ก็น่าจะเห็น Fund Flow ไหลกลับเข้ามาได้อีกครั้ง ส่วนประเด็นต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่การ แก้ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ และ ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งนับวันยิ่งร้อนแรง

แม้ SET Index มีสัญญาณดีขึ้น แต่ยังไม่หลุดพ้นภาวะผันผวน ตัวแปรสำคัญเป็น พัฒนาการของการเมืองในประเทศ วันนี้คาด SET Index มีแนวรับที่ 1520 จุด แนวต้าน 1537-1545 จุด Top Pick เลือก CENTEL, COM7 และ CPALL (BK:CPALL)

ความเสี่ยงสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้+ ภาคการผลิตชะลอตัว กดดันตลาด

วานนี้ตลาดหุ้นโลกเข้าสู่โหมดผันผวน เฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐฯ ที่ร่วงลงมาราว -0.4% ถึง -1.2% ส่วนฝั่งยุโรปปิดตัวในแดนลบราว -0.1% ถึง -1.3% หลังได้รับแรงกดดัน จากหลายปัจจัย

เริ่มความกังวลจากการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ 3 ครั้งที่ผ่านมา ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ Deadline ของวันที่จะครบกำหนดชำระหนี้กลับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งสังเกตุได้จาก TBILL ที่จะครบกำหนดหลังวันที่ 1 มิ.ย. หรือหลังวัน X-Date มีแรงเทขายออกมาก่อน ขณะที่ข้อมูลในอดีตชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสน้อยที่จะเกิด Government Shutdownขึ้น โดยมี เพียง 1 ครั้ง ในช่วงปี 2013 ก่อนที่จะเกิด Government Shutdown จากปัญหา Debt Ceiling สหรัฐฯ กดดันดัชนี S&P500 ปรับตัวลงไปกว่า -4.7 % ภายใน 2 สัปดาห์ในช่วง วิกฤต

ดังนั้นประเด็นความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของสรัฐฯ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะ หากไม่บรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ภายในไม่กี่วันนี้ จะทำให้สหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และอาจกระทบต่อตลาดหุ้นในช่วงนั้นอย่างมาก

นอกจากนี้ ดัชนี้ PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. ในหลายประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ ฯลฯ สะท้อนภาคธุรกิจอยู่ในโซนของการชะลอตัว ทั้งนี้ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เข้ามากดดันภาคการส่งออกไทยด้วยเช่นกัน ขณะที่ PMI ภาค บริการส่วนใหญ่แม้จะยืนอยู่เหนือระดับ 50 จุด แต่ถ้าหากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบที่ รุนแรงจากภาวะ Recession อาจทำให้ดัชนีนี้ปรับตัวลงมาแรงได้

สรุป ความเสี่ยงสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหากไม่บรรลุ ข้อตกลงขยายเพดานหนี้ภายในไม่กี่วันนี้ จะทำให้สหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ภาคการผลิตที่ชะลอตัวในหลายประเทศ กลายเป็นปัจจัยที่ เข้ามากดดันตลาดหุ้นช่วงนี้

TIMELINE การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หากมีสูญญากาศนานจะ กดดัน SET INDEX

วานนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อธิบายไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลให้กับ ครม. ฟังว่า ไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่มีทางเร็วกว่า 11 ส.ค. 66 ซึ่งรายละเอียดมี ดังต่อไปนี้

เริ่มจาก กกต. จะต้องตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จำนวน ส.ส. อยู่บ้าง แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย เมื่อตรวจสอบและวินิจฉัยแล้ว ต่อมาจะ ประกาศรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ ภายใน 60 วัน นับจากวันเลือกตั้ง โดยต้องรับรอง ส.ส. ไม่น้อยกว่า 95% หรือ 475 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้

หลังจากนั้นก็จะสามารถเปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้ภายใน 24 ก.ค. 66 และ เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งไปด้วย เมื่อได้ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร์แล้ว กระบวนการต่อไป ก็จะเป็นวาระสำคัญ คือการ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความว่าต้องได้ คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คน ขึ้นไป เมื่อเลือก นายกรัฐมนตรีได้แล้ว ก็จะเป็นการจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเริ่มทำหน้าที่ ซึ่งเร็วสุด คือ 11 ส.ค. 66

อย่างไรก็ตามพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการลมมติข้อตกลง MOU ร่วมกันมีเพียง 313 เสียง รวม 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล 152 เสียง, พรรคเพื่อไทย 141 เสียง, พรรค ประชาชาติ9 เสียง, พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคเพื่อไท รวมพลัง 2 เสียง, พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง ซึ่งขาดอีก 63 เสียงถึงจะมีคะแนนเสียงสนับสนุน ให้Candidate จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ดังนั้นหากเวลาดำเนินไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว คะแนนเสียงสนับสนุน ไม่ถึง 376 เสียงจาก 750 เสียง ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่สะดุด ทำให้รัฐบาลชุด เดิมรักษาการ ไปจนกว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา สว.) จะหมดอายุ ณ 11 พ.ค.67

สรุป หลังจากนี้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ กกต. 60 วัน และเปิดสมัยประชุม รัฐสภาภายในครึ่งแรกของเดือน ก.ค. 66 ต่อมา คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว จัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณก่อนเริ่มทำหน้าที่ ซึ่งคาดเร็วสุด คือ 11 ส.ค.66 อย่างไรก็ตามหากกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ล่าช้าออกไป ก็จะ เกิดภาวะสุญญากาศในการบริหารประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ประเด็น ดังกล่าวคาดทำให้ SET Index จะยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยฝ่ายวิจัยฯมองแนวรับ แรกที่ระดับ 1520 จุด และแนวรับถัดไปที่ระดับ 1507 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1537 และ 1545 จุดตามลำดับ

หา“หุ้นดีปกติกำไร Q2เด่น”เป็นแม่เหล็กดูด FUND FLOW ระยะถัดไป

หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา 15 – 23 พ.ค. 66) Fund Flow ไหลออกตลาดการเงิน 4.5 หมื่น ล้านบาท เป็นการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ -2.9 หมื่นล้านบาท และไหลออกจาก ตลาดหุ้น -1.6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบัน ฯเข้ามาทดแทน โดยเริ่มซื้อสุทธิเด่นตั้งแต่วันที่พรรคร่วมรัฐบาลประกาศ MOU หนุนให้มี ยอดซื้อสะสมขยับขึ้นมาอยู่ที่ +7.7 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน

ขณะที่ในมุมกำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 1Q66 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.67 แสนล้านบาท เติบโต 57.8%QoQ และ -8.1%YoY คิดเป็นสัดส่วน 24% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.12 แสน ล้านบาท หรือ EPS66F ที่ 91.8 บาท/หุ้น

ส่วนมุมมองกำไรไตรมาสที่ 2 ปกติกำไรจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก และที่สำคัญ คือ ภาพรวมฐานกำไรฐานกำไรงวด 2Q65 สูงมากถึง 3.55 แสนล้านบาท จากราคาน้ำมันที่ สูงระดับ 110 – 120 เหรียญ ทำให้น่าจะมีหุ้นที่กำไรงวด 2Q66 ฟื้นเด่นในมุม QoQ หรือ YoY น้อย

ภายใต้กลุ่มหุ้นกำไร 2Q66 เด่นมีจำกัด อาทิ กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม, กลุ่มปิโตรฯ, กลุ่ม มีเดีย, พลังงานน้ำ ฯลฯ รวมถึง Fund Flow จากกองทุนเริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาด หุ้นไทยอีกครั้ง และปกติมักจะเพิ่มน้ำหนัก (Overweight) หุ้นที่กำไรเข้าสู่ช่วง High Season มากกว่าปกติ ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหา หุ้นดีปกติกำไรไตรมาส 2 เด่น คาดเป็นแม่เหล็กดูด FUND FLOW ระยะถัดไป คือ PTTGC, IVL, MAJOR, CBG, MINT มีรายละเอียดทางพื้นฐานดังนี

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย