4 วันทำการที่ผ่านมาของสัปดาห์นี้ SET Index ผันผวน และ ปรับลดลงราว 2.22% ทั้งนี้ภายใต้แรงกดดันของ การเมืองในประเทศหลังการเลือกตั้งซึ่งผลที่ ออกมาเหนือความคาดหมายทำให้เกิดความกังวลในการโหวตเลือกนายก ส่วนใน ต่างประเทศก็มีเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐที่หาข้อสรุปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จากพัฒนาการของเหตุการณ์ จนถึงวันนี้พอจะคาดหวังถึงทิศทางที่ดีขึ้นในสัปดาห์ หน้าได้มากขึ้น โดยในส่วนของการขยายเพดานหนี้สหรัฐจะมีการเจรจาระหว่าง ฝ่ายบริหารและสภาฯ ในวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกออกมา สะทัอนผ่าน CDS ที่ลดระดับลง ส่วนการเมืองในบ้านเรา แม้วานนี้ ไม่ได้มีการ เปิดเผย MOU แต่การเจรจาและแถลงข่าวของพรรคร่วมที่ออกมา ก็น่าจะบ่งชี้ว่า น่าจะได้ข้อสรุปที่เป็นกลางในการจัดตั้งรัฐบาล คาดลงนาม 22 พ.ค.66
หลังผ่านสัปดาห์แห่งความผันผวนนี้ไป เชื่อว่าความกังวลของสถานการณ์ต่างๆ จะ เริ่มคลายตัวลงทำให้SET Index ลดความผันผวนวันนี้คาดแนวรับบริเวณ 1507- 1520 จุด แนวต้าน 1545 จุด Top Pick เลือก BEM, GULF และ TTCL
ดีลขยายเพดานหนี้สหรัฐใกล้จบ หนุนตลาดหุ้นเข้าโหมด RISK ON
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงดีดตัวต่อเนื่อง โดยวานนี้ปิดตัวในแดนบวกราว +0.3% ถึง +1.5% หลังตลาดคลายความกังวลจากการเจรจาขยายเพดานหนี้ในสหรัฐใกล้ได้ข้อสรุป โดย ประธาน สส. เควิน แมคคาร์ธีเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้และคาดว่าจะบรรลุ ข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันอาทิตย์นี้ (21 พ.ค.) ก่อนสภาคองเกรสจัดโหวตช่วง สัปดาห์หน้าส่งผลให้ CDS สหรัฐฯ 1 ปีปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดกว่า 15% ภายในเพียง แค่ 1 สัปดาห์
ขณะเดียวกันแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากวานนี้ Bond Yield สหรัฐฯ 2 ปี และ 10 ปี ปรับตัวขึ้นราว 2.5% ขานรับดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจจะขยับขึ้นได้ ท่ามกลางความกังวลว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจชะลอตัวได้ช้ากว่าคาด หลังตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งสะท้อนจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่รายงาน ล่าสุด 242,000 ตำแหน่ง ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนและต่ำกว่าคาด บวกกับกับ ประธาน Fed สาขาดัลลัสและสาขาแอตแลนตาสนับสนุนให้Fed เดินหน้าปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. ส่งผลให้ Fed Watch Tool ลดโอกาสที่ Fed จะคง ดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
ส่วนในวันนี้รอจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ในงาน เสวนา Thomas Laubach Research Conference ว่าด้วยนโยบายการเงิน ที่กรุง วอชิงตัน ดีซี
สรุป ตลาดคลายความกังวลจากการเจรจาขยายเพดานหนี้ในสหรัฐใกล้ได้ข้อสรุป ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนสภาคองเกรสจัดโหวตช่วงสัปดาห์หน้า หนุน Fund Flow ไหล เข้าสินทรพย์เสี่ยงมากขึ้น
เซ็น MOU 22 พ.ค.66 คาดเห็นการขับเคลื่อนประเทศไทยที่ชัดเจนขึ้น
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่หลังเลือกตั้ง 4 วันติดต่อกันกว่า 34.6 จุด หรือ -2.2% ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 1526.69 จุด สาเหตุหลักมาจากความกังวลหลังจากเกิดการสลับขั้วการจัดตั้ง รัฐบาล ซึ่งนับจากนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีของการจัดตั้งรัฐบาล และขับเคลื่อนประเทศ โดย มีรายละเอียด ดังนี้
• การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ รัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน หมายความว่าต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คน ขึ้นไป ขาดอีก 63 เสียง (ปัจจุบันพรรคก้าวไกล รวมเสียงสส.พรรคร่วมรัฐบาล 313 เสียง) ท่าทีล่าสุดของ หลายพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล และ สมาชิกวุฒิสภาบางท่าน (9 ท่าน) เริ่ม แสดงท่าทีที่คล้อยตามกับหลักประชาธิปไตยมากขึ้น ทำให้โอกาสโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีมีมากขึ้น
• พรรคร่วมรัฐบาล เตรียมลงนาม MOU 22 พ.ค.66 (ปิดฉากเหตุยึดอำนาจ รัฐประหาร 22 พ.ค.57) วันที่ 8 พ.ค.66 พรรคก้าวไกล พร้อมหัวหน้าพรรค - เลขาธิการพรรคทั้ง 8 พรรคการเมือง ร่วมแถลงจัดตั้งรัฐบาล โดยทุกพรรคจะ ร่วมการจัดทำข้อตกลงร่วม หรือ MOU มีหัวข้อกว้างๆ 6-7 ข้อ กรอบที่ คาดการณ์ประกอบด้วย ประชาธิปไตยเต็มใบ - รัฐสวัสดิการ - เกษตรก้าวหน้า - กระจายอำนาจ - สิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม - การศึกษา - สาธารณสุข - ความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ - นวัตกรรมและเทคโนโลยี - ปราบทุจริต และยาเสพติด - สิ่งแวดล้อมและอากาศ - พลังงานและพลังทดแทน ซึ่งเนื้อหา ของ MOU จะเน้นไปที่ปากท้องของประชาชน และการลดความเหลื่อมล้ำของ สังคมไทยเป็นหลัก
สรุปตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงรอความชัดเจนในมุมการจัดตั้งรัฐบาล - โหวตเลือก นายกรัฐมนตรีรวมถึงรายละเอียดของการเดินหน้านโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ทำ ให้เกิดความผันผวนในช่วงสั้น อย่างไรก็ตามสัปดาห์หน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจนมาก ขึ้น หลังมีรายละเอียดของ MOU วันที่ 22 พ.ค.66 คาดทำให้ SET Index ดีดตัวขึ้น ไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1545 จุดได้สำเร็จ
หวังสัปดาห์หน้า…ตลาดหุ้นไทยดูผ่อนคลายมากขึ้น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นถูกกดดันจากประเด็น Debt Ceiling ในสหรัฐ ขณะที่ใน ไทยถือเป็นสัปดาห์แห่งการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง หลังจากได้แกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ พลิกทุกสำนักผลโพล ทำให้เกิดความกังวลต่อความไม่แน่นอนในช่วงรอยต่อ กดดันให้หุ้น ปรับฐานลงมา 35 จุด หรือ 2.2%wtd
แต่ในสัปดาห์ตลาดหุ้นน่าจะดูดีขึ้น หลังสหรัฐผ่านดีลเพดานหนี้ในวันอาทิตย์นี้ หนุนหุ้น สหรัฐอย่าง NASDAQ เริ่มฟื้นกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี(NASDAQ +21%ytd , SET -8.5%ytd)
ขณะที่ในไทยน่าจะเห็นรายละเอียด MOU ของรัฐบาลใหม่ และแนวโน้มที่ สว. เริ่มออก ความเห็นว่าในการโหวตนายกฯ ฝั่งประชาธิปไตยมากขึ้น คาดหวัง Fund Flow ที่ไหล มารออยู่ในตลาดตราสารหนี้กว่า 4.7 หมื่นล้านบาท (mtd) และเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 4.6 หมื่นล้านบาท (mtd) มีโอกาสไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป
สรุปตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ามีทิศทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น ประเมิน SET เคลื่อนไหว 1520 – 1545 จุด แนะนำ Trading หุ้นที่ลงมาลึกเกินไป จากตอบรับ ความกังวลเรื่องนโยบายใหม่จากรัฐบาลมาในระดับหนึ่งแล้ว และใกล้เข้าสู่แนวรับ สำคัญทางเทคนิค และ Upside เปิดกว้างขึ้น อย่าง GULF, BEM และยังชื่นชอบ TTCL เป็น 3 หุ้น Top pick ในวันนี้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities