ภาพรวมของ SETIndex ยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยความกังวลที่เป็นแกนหลัก ได้แก่โอกาสที่จะเกิด Recession ในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งนับวันดูเหมือนว่าจะมี Economic Indicator ออกมาย้ำเตือน เฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขในภาคแรงงานและ สถาบันการเงิน ส่วนในบ้านเราถือว่าอยู่ในภาวะที่ความเสี่ยงที่จะประสบภาวะ Recession ต่ำมาก ถือว่าเป็นจุดได้เปรียบและน่าจะมีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดเม็ด เงินให้เข้ามาได้ แต่คงต้องรอจังหวะที่เหมาะควร ปัจจุบัน Fund Flow จากต่างชาติ ยังอยู่ในภาวะที่ซื้อ สลับขาย ประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับตลาดหุ้นบ้านเราช่วงนี้ ได้แก่ผลประกอบการงวด 1Q66 ซึ่งโดยภาพใหญ่เชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัว โดยกลุ่ม ที่กำไรเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ได้แก่ ธนาคาร, รับเหมาฯ, โรงไฟฟ้า ส่วนกลุ่มที่ โต QoQ แต่ลบ YoY คือ วัสดุก่อสร้าง, ปิโตรเคมี และ พลังงาน
คาดว่า SET Index น่าจะผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งในเชิงกลยุทธ์มองว่า ราคาหุ้นที่ปรับ ลดลงถือเป็นจังหวะที่จะเลือกหุ้นที่ดีเข้าพอร์ต คาด SET Index เคลื่อนไหวใน กรอบ 1570 – 1590 จุด Top Pick เลือก BGRIM, KTB และ SCGP
วังวน RECESSION อาจกดดันสินทรัพย์เสี่ยง
ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจ Recession ในระยะข้างหน้าของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้วานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวในกรอบแคบ เม็ดเงินไหลเข้าสู่ สินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดย Dollar Index +0.22% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงกว่า 2.1%
ขณะที่ในฝั่งสหรัฐฯ ประเด็นที่นักลงทุนพุ่งเป้าไปที่ภาคแรงงานที่ส่งสัญญาณการชะลอตัว หลังกลุ่มบริษัท Tech ทยอยเลิกจ้างพนักงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีทั้ง Amazon Disney และ META ประกอบกับวันนี้สหรัฐจะมีการประกาศตัวเลข initials jobless claim ซึ่ง ปรับตัวขึ้นสูง อาจทำให้ความกลัวเรื่อง Recession เพิ่มขึ้น และเป็นปัจจัยกดดันตลาด หุ้นได้
ส่วนของภาคธนาคารในสหรัฐฯ กว่า 4 แบงก์ยักษ์ใหญ่ ประกอบด้วย Bank of America, JPMorgan, Citigroup, และ Wells Fargo มีการตั้งสำรองหนี้กันมากขึ้น โดยในช่วง 1Q66 เพิ่มขึ้นกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ +73%YoY ซึ่งเป็นมูลค่าสูงกว่าช่วง โควิด-19 แล้ว ขณะที่ตัวเลขยอดใช้สินเชื่อบัตรเครดิตปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดย ล่าสุดอยู่ที่ 9.76 แสนล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์และด้วยเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอ ตัว การจ้างงานเริ่มปรับตัวลดลง ก็อาจจะส่งผลให้ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งเป็น ปัจจัยที่ต้องจับตาความเสี่ยงในกลุ่มธนาคารอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในฝั่งยุโรปวานนี้มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษเดือน มี.ค. +10.1%YoY แม้ จะผ่อนคลายลงมาเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ +10.4%YoY แต่ยังสูงกว่าตลาดคาดที่ 9.8%YoY และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ถือว่าชะลอตัวลงมาช้าพอสมควร โดยปัจจัย หลักๆ มาจากราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่พุ่งขึ้น 19.1%YoY สูงสุดใน รอบเกือบ 46 ปีทำให้ตลาดคาดว่า BOE จะขึ้นดอกเบี้ยไปอีกประมาณ 2-3 ครั้ง ไปจบที่ 4.75 – 5% ใกล้เคียงกับสหรัฐ ขณะที่ผลพวงจากดอกเบี้ยสูง อาจทำให้อังกฤษเป็นอีก หนึ่งประเทศที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวในวันข้างหน้าได้ สอดคล้องกับ การคาดการณ์ของหลายสำนักเศรษฐกิจ
แต่ในทางกลับกันภาพรวมเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว สะท้อนจากดัชนี ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. 66 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 แตะระดับ 97.8 สูงสุด ในรอบ 10 ปี โดยมีแรงหนุนหลักๆ มาจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภค ภายในประเทศ น่าจะเป็นแรงหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าบ้านเรามากขึ้น
สรุป ความกังวลเศรษฐกิจ Recession เพิ่มขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่ภาคแรงงานสหรัฐส่ง สัญญาณการชะลอตัว บวกกับภาคธนาคารสหรัฐมีการตั้งสำรองหนี้กันมากขึ้น รวมถึงเงินเฟ้ออังกฤษที่พุ่งสูง ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน ภาพรวมเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าบ้านเรามากขึ้น
ปัจจัยภายนอกผันผวน หาหุ้นงบ 1Q66 ฟื้นเด่น
เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ทำ Earning Preview 1Q66 มาแล้ว 1 ใน 4 ของ Market Cap รวม หุ้นทั้งหมดในตลาด พบว่า มีกำไร 9.8 หมื่นล่านบาท เติบโต 31%QoQ และ 9%YoY ถือ ว่า ทิศทางกำไรมีโอกาสฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในงวด 4Q65
นอกจากนี้จากสถิติในอดีต เวลากำไรบริษัทจดทะเบียนฟื้นจากฐานที่ต่ำหรือผ่านจุด Bottom Out มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเสมอ
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการรวบรวมข้อมูลและมุมมองทิศทางกำไร 1Q66 จาก นักวิเคราะห์พื้นฐานออกเป็นราย Sector เพื่อค้นหากลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรฟื้นเด่น ได้ ผลลัพธ์ 6 กลุ่มหุ้นที่กำไร 1Q66 ฟื้นเด่น คือ กลุ่มที่กำไรฟื้นทั้ง QoQ และ YoY -> ธ.พ. , รับเหมาฯ, โรงไฟฟ้า และกลุ่มที่กำไรฟื้น QoQ -> วัสดุก่อสร้าง, ปิโตรฯ, พลังงาน ส่วน รายละเอียดกลุ่มอื่นๆ
ดังนั้นในยามที่ปัจจัยภายนอกผันผวน แนะนำทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มที่กำไร 1Q66 มี โอกาสฟื้นเด่น น่าจะคาดหวังการ Outperform ตลาดในช่วงนี้ได้ อย่าง KTB, STEC, BGRIM, GULF, IVL เป็นต้น
ส่วนวันนี้คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1570 – 1590 จุด สำหรับ Toppick เลือก หุ้นที่กำไร 1Q66 ฟื้น KTB, BGRIM, SCGP
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities