ค่าเงินบาทเริ่มนิ่งขึ้นหลังอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 34.45 บาท/USD ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่ Dollar Index อ่อนค่าหลังจากที่การปรับขึ้นดอกเบี้ย ของ ECB และ BOE อยู่ในอัตราที่สูงกว่า Fed ส่วนในบ้านเราหลังจากดูดซับข่าว ร้ายเรื่อง ดุลการค้า และ ดุลบัญชีเดินสะพัดไปแล้ว ประเมินจากภาพรวมเศรษฐกิจ เชื่อว่าน่าจะมืทิศทางที่ดีขึ้น และไม่เข้าสู่ภาวะ Technical Recession ประเมินว่า ค่าเงินบาทน่าจะชะลอการอ่อนค่า ซึ่งโดยกลไกแล้วน่าจะมีส่วนทำให้Fund Flow ไหลออกช้าลง หรืออาจกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้งหนึ่ง ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือการประกาศเงินเฟ้อเดือน ก.พ.66 Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 4.18% เทียบ กับเดือนที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 5.02% สำหรับ Theme การลงทุน ยังเน้นไปที่ China Play ทั้งที่เกียวข้องกับการท่องเที่ยว-เดินทาง และ การส่งออกไปยังประเทศจีน
SET Index กำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของการปรับฐาน โดยในทางพื้นฐานแนะนำให้ ทยอยสะสมหุ้นบริเวณ SET Index ที่ 1610 จุด ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวกำหนด ที่ 1600 – 1620 จุด Top Pick เลือก HMPRO, SCGP และ THANI
หวังตลาดหุ้นไทยฟื้น ตามตลาดหุ้นโลกในช่วงวันหยุด
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มเห็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมา 2% และยังมีแนวโน้มอ่อน ต่อจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่แตกต่างกันระหว่าง Fed กับ ECB โดยตลาดคาดวันที่ 22 มี.ค. Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ 5% ส่วน ECB มีรอบการประชุมที่เร็วกว่า วันที่ 16 มี.ค. และขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่า 0.5% มาอยู่ที่ 3.5% การขึ้นดอกเบี้ยที่เร่งขึ้นของ ECB กดดันให้ ค่าเงินยูโรแข็งค่า แต่ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลง เนื่องจากค่าเงินยูโรมีสัดส่วนใน ตะกร้าดอลลาร์ถึง 60%
ประเด็นดังกล่าวถือเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป สะท้อนได้จากตลาดหุ้นโลกที่ ฟื้นขึ้นมาในวันศุกร์ - วันจันทร์ ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้น 1% กว่า โดยกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้ดี คือ หุ้น Tech หรือหุ้น High Beta เป็นต้น
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ปรับตัวลดลงมาเหลือ 1606.88 จุด ทำระดับต่ำสุดในปีนี้ แต่ ปัจัยภายนอกที่ผ่อนคลาย Fund Flow ชะลอการไหลออก และเชิงเทคนิค RSI 14 วัน เข้า เขต Oversold จึงคาดหวังการรีบาวน์กลับขึ้นมาบ้างของ SET Index ในสัปดาห์นี้
เศรษฐกิจจีนยังเติบโตเด่นในปีนี้หุ้นกลุ่มใดที่เราสนใจ … มาดูกัน
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา จีนได้มีการประชุมประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC โดยการประชุมจะมีขึ้นไปจนถึง 13 มี.ค.66 ซึ่งจุดเด่นของการประชุมนั้นคือ มีการ คาดการ์ว่าในการประชุมจะมีพิธีรับรอง การเป็น ปธน. ครั้งที่ 3 ของ Xi jinping รวมถึงมี การแต่งตั้ง คณะรัฐมนตรีจีนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปีโดยรัฐบาลจีนค่อนข้างให้ความสำคัญ กับการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวภายในประเทศ ประกอบไปด้วย การกระตุ้นการบริโภค พัฒนาระบบอุตสาหกรรมและสนับสนุน รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่ของรัฐ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการส่งออกและการยกระดับเศรษฐกิจ ดิจิทัล โดยได้มีการกำหนดการเติบโตของ GDP ไว้ที่ 5%YoY และมีการตั้งกรอบ เป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 3%
ขณะที่ส่วนที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ จีนเพิ่มงบกลาโหม โดยมีการใช้จ่ายงบกลาโหมในปีนี้ 1.55 ล้านล้านหยวน หรือราว 2.25 แสนล้านดอลลาร์(สัดส่วน 6%GDP)ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน 7.2% ซึ่งปัจจุบันจีนเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงสหรัฐเท่านั้นที่ใช้งบทางการทหารมากกว่า โดยทางสหัฐตั้งงบกลามโหมปีนี้ไว้ที่ 8 แสนล้านดอลลาร์
โดยเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวเด่นในปีนี้ส่งผลโดยตรงต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจาก จีนเป็นประเทศสู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2565 มูลค่าการค้าของไทย มาจากจีนสูงสุด เป็นอันดับ 1 ราว 1.05 แสนล้านเหรียญฯ (สัดส่วน 18% ของการค้าโลก) ขณะที่ไทยก็ ส่งออกสินค้าไปจีนมีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ราว 3.4 หมื่นล้านเหรียญฯ (สัดส่วน 12% ของการส่งออกโลก) ซึ่งกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Theme เศรษฐกิจจีน ฟื้นตัวเด่น ได้แก่
• กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ชื่นชอบ AOT (BK:AOT), ERW, CENTEL, MINT, SJWD
• กลุ่มยางพารา NER
• กลุ่มชิ้นส่วนฯ KCE, SMT
• กลุ่มอสังหาฯ NOBLE, SIRI, ORI
• กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC, SCGP
• กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ TOP, PTTGC
• กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม CBG, CRC
• กลุ่มเช่าซื้อ MTC, SAWAD, THANI
สรุป เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น จากการกระตุ้นของภาครัฐฯ และการเปิด เมือง หนุนให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ในมุมของมูลค่าการค้าที่อิงกับประเทศจีนมาก สุด ทำให้มีโอกาสเห็นตัวเลขเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวเด่นในระยะถัดไปเช่นกัน และ หนึ่งในธีมน่าลงทุนคือ หุ้นเด่นรับเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (China Play) ตามที่กล่าวไว้ ข้างต้น
หาหุ้นเด่น หากเงินเฟ้อไทยชะลอ
วันนี้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของไทย คือ CPI หรือ เงินเฟ้อ (เดือน ก.พ. 66) ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.18%YoY ถือว่าชะลอลงจาก เดือนที่แล้วที่ 5.02%YoY
และหากดูข้อมูลย้อนกลับไป พบว่า ตัวเลข PPI (เงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต) ลดลงค่อนข้างเร็ว โดย เดือน ม.ค. 66 เหลือเติบโตเพียง 2.42%YoY จึงคาดว่าการเพิ่มขึ้นของ CPI (เงินเฟ้อฝั่ง ผู้บริโภค) น่าจะชะลอลงต่อเนื่องเช่นกัน
ปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก กนง. มีโอกาสชะลอการขึ้น ดอกเบี้ย ส่งผลให้ P/E ตลาดที่เหมาะสมยังคงไว้ที่ 17.54 เท่า เมื่อคูญกับ EPS66Fฝ่ายวิจัย ประเมินไว้ 91.8 บาท/หุ้น จะได้จุดเข้าสะสมหุ้นที่SET บริเวณใต้ 1610 จุดส่วนชุดหุ้นเด่น Theme เงินเฟ้อไทยชะลอลง
กลยุทธ์วันนี้คาดหวังตลาดหุ้นไทยฟื้นตามตลาดหุ้นโลก Fund Flow เริ่มชะลอการไหล ออก และอยู่บริเวณน่าสะสมหุ้นเพิ่ม ส่วน Top pick ในวันนี้ แนะนำหุ้นธีม China Play อย่าง SCGP THANI และหุ้นเงินเฟ้อชะลอ HMPRO
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities