🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

กลัวดอกเบี้ยขึ้น + กลัวปรับลดคาดการณ์กำไร 

เผยแพร่ 27/02/2566 10:11
SETI
-

ตัวเลข PCE เดือน ม.ค.66 ที่ออกมาสูงกว่าคาด ประกอบกับสถานการณ์ รัสเซียยูเครนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และการปรับขึ้น ดอกเบี้ยกลับมาสร้างแรงกดดันสินทรัพย์เสี่ยงเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้น ขณะที่ผล ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบ้านเรางวด 4Q65 ออกมาต่ำกว่าคาดมากขึ้น โดยจากจำนวนบริษัทที่ประกาศกำไรออกมาแล้ว 360 บริษัทพบว่า ต่ำกว่า Bloomberg Consensus มากถึง 39.96% ภาวะดังกล่าวน่าจะให้เห็นการปรับลด ประมาณการกำไรปี 2566 ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวมาข้างต้น ถือ ว่ามีน้ำหนักในการที่จะสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นไทยวันนี้ ส่วนทิศทางของ Fund Flow ประเมินจากเงินบาทที่ยังอ่อนค่าลง และอาจทะลุระดับ 35 บาท/USD ขึ้นไป เป็นไปได้ที่จะเห็นการไหลออกของ Fund Flow ต่อเนื่อง

ผลประกอบการ 4Q65 ที่ต่ำกว่า Bloomberg Consensus เกือบ 40% ขณะที่ ความกังวลเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นกลับมา คาดสร้างแรงกดดันต่อ SET Index คาดอยู่ ในกรอบ 1621 – 1635 จุด หุ้น Top Pick เลือก AP, KTB และ TISCO

วงจรเร่งขึ้นดอกเบี้ยกลับมา กดดันตลาดหุ้นร่วงต่อ

การทำสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่กินเวลามามากว่า 1 ปี ได้สร้างผลกระทบโดยตรง ต่อราคาพลังงานพุ่งสูงจนเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่สถานการณ์ดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด อีกทั้งยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม จากการประกาศ คว่ำบาตรรอบใหม่ของนานาชาติต่อรัสเซียเพื่อต้องการอุดช่องโหว่ต่อผู้สนับสนุนรัสเซีย ซึ่ง ล่าสุดมีทั้งกลุ่มประเทศ G7, ยุโรป, สหรัฐ, อังกฤษ, แคนนาดา ฯลฯ อีกทั้งหลายประเทศได้ ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม อาทิ สหรัฐฯ ได้ให้เงินสนับสนุนกว่า 12,000 ล้าน เหรียญฯ ขณะที่แคนนาดาเตรียมส่งรถถังช่วยยูเครนเพิ่มอีก 4 คัน ทั้งนี้ความเสี่ยงเชิงภูมิ รัฐศาสตร์ที่ถาโถมเข้ามาอาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรวัดเงินเฟ้อ ในเดือนม.ค. ดีดตัวขึ้นกว่า +5.4%YoY (สูงกว่าตลาดคาดที่ 5.0 %YoY) และ +0.6%MoM (สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.5%MoM) ซึ่ง ปรับตัวสูงขึ้นเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 5.3%YoY และ 0.2%MoM ตามลำดับ ส่วน Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยในเดือนม.ค. +4.7%YoY (สูงกว่าตลาดคาดที่ 4.4%YoY) และ +0.6%MoM (สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.5%MoM) ซึ่งอาจเป็นการตอกย้ำว่าเงินเฟ้อยังยืนระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาด

อัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังทรงตัวในระดับสูงและอาจชะลอตัวได้ช้าลง ส่งผลให้เพิ่มระดับ ความกังวลว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก หรืออาจไม่ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ จาก สัญญาณของ Bond Yield สหรัฐฯ อายุ2 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ 4.81% พลิกกลับเหนือ ระดับดอกเบี้ยปัจจุบันอีกครั้ง และเมื่อพิจารณาจาก Fed Watch Tool พบว่า โอกาสที่ FED จะกลับมาขึ้นดอกเบี้ย +0.5% ในการประชุมเดือนมี.ค. ขึ้นมาสูงถึง 27% (วันที่ 17 ก.พ. อยู่ที่ระดับ 18%) และเพดานดอกเบี้ยสูงสุดอาจอยู่ที่ 5.5% ไปจนถึงเดือน ธ.ค.

ความกังวลดังกล่าว ทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงจนตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงแรง โดย ในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบราว -0.9% ถึง -1.7% ขณะที่ในฝั่งยุโรปปิดตัวราว -0.4% ถึง -1.9% และเม็ดเงินได้ไหลเข้าสู่เข้าซื้อสินทรทรัพย์เสี่ยงทันทีทำให้ Dollar Index แข็งค่า ขึ้นราว 0.6% แตะ 105.2 จุด และกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงราว 0.38% มาอยู่ที่ 34.81 บาท/USD ซึ่งความที่รุมเร้าอาจทำใหเศรษฐกิจไทยขยายตัวไดน้อยลงในระยะถัดไป

สรุป หลายปัจจัยเสี่ยงที่ถาโถมเข้ามา ทั้งความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มรุนแรง มากขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงได้ช้ากว่าคาด และอาจทำให้ Fed เดินหน้าจึ้นดอก เบี้ยต่อไปและคงอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด กดดันเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ระยะถัดไปหากความเสี่ยงเหล่านี้ยังคงอยู่อาจทำให้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่ำกว่าคาด

กำไร 4Q65 ผิดคาดมาก กดดัน CURRENT P/E SET ขึ้นมาที่ 19.7เท่า

ตลาดหุ้นไทยรายงานงบ 4Q65 ออกมา 424 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน Market Cap. 85% ลดลง 31%QoQ และ 42%YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก สภาวะเศรษฐกิจ หรือ GDP ในช่วง 4Q65 แต่เศรษฐกิจไทยกลับเติบโตเพียง 1.4%yoy (ต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตร มาสอื่นๆ ในปี 2565)

ที่สำคัญคือต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด (Negative Surprise) ถึง -39.96% ถือว่าผิดคาดมากกว่าไตรมาสอื่นๆ ในอดีตมาก ที่ปกติมักอยู่ในกรอบ +- 15%

กำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาดมาก กดดันให้ ESP65F ล่าสุดลดลงเหลือ 83.1 บาท/หุ้น (เดิม 93.6 บาท/หุ้น) ส่งผลให้Current P/E ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 19.7 เท่า ถือว่าแพงกว่าระดับปกติ ที่ 17.54 เท่า (อิงกับ MEYG ที่ 4.2% และ Bond Yield 1Y 1.5%) เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ กดดันให้นักลงทุนเกิดการขายทำกำไรหรือลดน้ำหนักพอร์ตลงในช่วงน

เดือน ก.พ. ต่างชาติขายหุ้นไทยมากสุดในภูมิภาค และมากสุดในรอบเกือบ 3 ปี

เดือน ก.พ. 66 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงกดดันภายนอกทั้งประเด็นความเสี่ยง ภูมิรัฐศาสตร์, เงินเฟ้อสหรัฐที่ยืนระดับสูง และที่สำคัญคือการรายงานงบ 4Q65 ของบริษัท จดทะเบียนไทยที่ผิดจากที่ตลาดคาด (Negative Surprise) มากขึ้นเรื่อยๆ จาก -20% ขึ้น สูระดับปัจจุบัน -40% และผิดคาดมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค รวมถึงค่าเงินบาทที่ อ่อนค่าขึ้นมาเร็วถึง 5.2%ytd

เป็นแรงกดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.พ. นี้สูงกว่าปกติ ถึง 1.1 พันล้านเหรียญ หรือ 3.7 หมื่นล้านบาท หรือตลาดหุ้นไทยถูกขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาค ในเดือนนี้และอีกมุมหนึ่ง คือ เป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 หรือช่วงเกิด COVID-19 แรกๆ

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงรอการรายงานงบ 4Q65 เสร็จสิ้น รวมถึงปัจจัยกดดัน ภายนอกสงบลง และ Fund Flow ที่ชะลอการไหลเข้า แนะนำถือเงินสดบางส่วน 10% – 30% ส่วนหุ้นแนะนำ หุ้นผันผวนต่ำจ่ายปันผลสูง อย่าง KTB, TISCO, AP เป็น Top pick

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย