🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

จุด STOP PROFIT และ CUT LOSS ต้องชัด 

เผยแพร่ 12/01/2566 10:28
SETI
-

สถานการณ์เด่นของวันนี้คงเป็นเรื่องเงินบาทที่แข็งค่า โดยในช่วงเวลา 2 เดือน เศษ ที่ผ่านมา ได้ปรับจากระดับกว่า 38 บาท/USD มาอยู่ที่บริเวณ 33.30-33.40 บาท/ USD ในปัจจุบันการแข็งค่าของเงินบาทดังกล่าวหากตีความในเชิงของผลกระทบ เศรษฐกิจต้องถือว่าเป็นทางลบ เนื่องจากเป็นการซ้ำเติมภาคการส่งออกซึ่งเดิมมี แรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ในมุมของ ตลาดการเงิน การที่เงินบาทยังส่งสัญญาณการแข็งค่าต่อเป็นแรงกระตุ้นให้Fund Flow ไหลเข้า แต่ในช่วงเวลาจากนี้ไปน่าจะเห็นความผันผวนมากขึ้น ดังนั้นจึงต้อง จับตาใกล้ชิดขึ้น ในภาวะดังกล่าวแนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้นในพอร์ต มีการกำหนด จุด Stop Profit และจุด Cut Loss ให้ชัดเจน สำหรับ Theme การลงทุนฝ่ายวิจัย เน้น 3 ส่วนคือ Domestic Consumption, Dividend Play และ China Play

คาดว่า SET Index น่าจะผันผวน และมีโอกาสขยับขึ้นได้เล็กน้อย ประเมินกรอบ การเคลื่อนไหวช่วง 1680 – 1700 จุด หุ้น Top Pick เลือก THANI, STEC และ TFG ทั้งนี้ควรมีเงินสดสำรองในพอร์ต บางส่วน

ตลาดสหรัฐเปิดโหมด RISK-ON คาดเงินเฟ้อผ่อนคลาย

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยัง ปิดบวกอย่างต่อเนื่อง S&P500 +1.3% โดยนักลงทุนยังรอติดตามการ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในคืนนี้ เบื้องต้นถูกคาดหมายว่าน่าจะปรับตัวลดลงจากราคา พลังงานและค่าจ้างที่ปรับตัวลดลง โดยตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐเดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 6.6% YoY ลดลงจากเดือนก่อนที่ระดับ +7.1% YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 5.7% YoY ลดลงจากเดือนก่อนที่ระดับ +6.0% YoY

ทั้งนี้หากเงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวลดลง ก็จะส่งผลให้เพดานการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ค่อนข้างจำกัด ตลาดจึงทำการเปิดโหมด Risk on โยกย้ายเงินดอลลาร์เข้ามาหาสินทรัพย์ ทางการเงิน ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าที่คาด ทั้งดัชนีหุ้นสหรัฐ S&P500 และ ดัชนีหุ้นไทย SET จะให้ผลตอบแทนเดือนนั้นเป็นบวก

นอกจากนี้เพดานการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐจำกัด ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เม็ดเงินบางส่วนอาจไหลเข้าสู่ประเทศฝั่ง Emerging Market เนื่องจากเงินเฟ้อที่ค่อยๆ ปรับตัวลง รวมถึงเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดย World Bank เผยเศรษฐกิจไทยในปี 66 อาจ โตถึง 3.6% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกโตเพียง 1.7% คาดเงินอาจไหลเข้าไทยส่งผลให้ แนวโน้มค่าเงินบาทยังคงแข็งแกร่ง

สรุป ตลาดเปิดโหมด Risk On Bullish Risk Asset โยกย้ายเงินดอลลาร์มาหาสินทรัพย์ ทางการเงิน เนื่องจากตลาดคาดเงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้เพดานการขึ้น ดอกเบี้ยของ FED ค่อนข้างจำกัด หนุน Flow เข้าประเทศเกิดใหม่อย่างเงินบาท คาด แข็งค่าขึ้นต่อ

TREND ดอลลาร์อ่อน-บาทแข็ง หนุนเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงไทย

ปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ทั้งการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของ Fed เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูง รวมถึงการทำสงครามรัสเซีย–ยูเครน ทำให้ช่วงตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 65 Dollar Index แข็งค่าขึ้นมาเร็วกว่า 21.2% (จากจุดพีค 117.78 จุด ณ 28 ก.ย. 65) โดยใช้เวลาเพียงแค่ 7 เดือน

อย่างไรก็ตามดอลลาร์เริ่มปรับตัวอ่อนค่าลงจากจุดสูงสุด – ปัจจุบัน ราว 12.4% และยังมี แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งมีผลต่อเงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 33 บาท/ดอลลาร์ จาก 4 ปัจจัย หลัก ดังนี้

1. ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าเข้าสู่ช่วงก่อนการยกระดับความรุนแรงของสงคราม รัสเซีย–ยูเครน (24 ก.พ. 65) จากปัจจุบันที่ระดับ 103.2 จุด อีกราว 6%

2. Fed มีแนวโน้มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดยตลาดคาดว่าในปีนี้อัตราดอกเบี้ย นโยบายสหรัฐจะถูกจำกัดอยู่ราว 5.0 % - 5.25%

3. การใช้นโยบายการเงินเข้มข้นขึ้นของหลายประเทศ อาทิ ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เป็นตัวช่วยกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ในทางกลับกันค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

4. เงินไหลเข้าสู่ตลาดการเงินมากขึ้น โดยมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดการเงิน 7.7 หมื่น ล้านบาท (ytd) แบ่งเป็นตราสารหนี้ 6 หมื่นล้านบาท หุ้นไทย 1.7 หมื่นล้านบาท อีกทั้งค่าเงินบาทย้อนหลัง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเคลื่อนไหวในทิศทางสวนกัน เสมอ โดยมีค่า Correlation -0.67

สรุป หลายปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ดอลลาร์เริ่มปรับตัวอ่อนค่าลงตั้งแต่ช่วงต้น 4Q65 จนถึง ปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งมีผลทำให้เงินบาทแข็งค่ามากขึ้น หนุน Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงบ้านเรามากขึ้นระยะถัดไป

FUND FLOW ยังไหลเข้าหุ้นไทย แต่ถูกจำกัดจากแรง REDEEM กองทุน LTF ปี 60 บ้าง

แม้ต่างชาติจะซื้อสุทธิหุ้นไทยทุกวันในปี 2566ytd ด้วยมูลค่าซื้อสุทธิรวมสูงถึง 1.69 หมื่น ล้านบาท แต่ SET Index ขยับขึ้นมาแค่ 1%ytd เท่านั้น ส่วนหนึ่งถูกจำกัดจากแรงขายของ นักลงทุนสถาบันฯกว่า 8.8 พันล้านบาท โดยเฉพาะ 2 วันทำการที่ผ่านมา ขายสุทธิ หนาแน่นขึ้น 5.1 พันล้านบาท

ส่วนหนึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมินว่า อาจจะมาจากการ Redeem ของกองทุน LTF ในปี 2560 ที่ เคยประเมินไว้ว่ามีเม็ดเงินสูงถึง 6.45 หมื่นล้านบาท (ปกติจะมีการขายสุทธิราว 40% ในช่วงไตรมาสแรกของทั้งปี) และต้นทุนเฉลี่ย LTF ในปี 2560 อิงกับ SET Index อยู่ที่ 1678 จุด ดังนั้นเมื่อระดับดัชนีปัจจุบันที่สูงกว่าต้นทุนในอดีต อาจเผชิญแรงขาย Redeem ออกมาบางส่วน และเป็นตัวที่จำกัด Upside ตลาดก็เป็นได้

Fund Flow ที่ยังมี Momentum ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ และยังมีโอกาสได้กำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม ตามค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า กลยุทธ์ฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัด กรองหุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมเด่นในปีนี้ เพื่อคาดหวัง Momentum ที่จะซื้อสะสมต่อเนื่อง ได้ผลลัพธ์ 20 หุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมทางตรงมากสุดในช่วง ytd (3 – 10 ม.ค. 66) มีดังนี

โดยหุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมและฝ่ายวิจัยชื่นชอบ BBL, ADVANC, CK, CBG, GULF ส่วนหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว TFG THANI STEC เป็น Toppick

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย