ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ยังไม่เห็นประเด็นใหม่ที่มีผลต่อ SET Index อย่าง มีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่ติดตามต่อเนื่อง เริ่มจาก แนวทางของยุโรปที่ พิจารณากำหนดเพดานราคาน้ำมันที่ส่งออกมจากรัสเซีย ซึ่งยังไม่มีมติที่ชัดเจน แต่ ในอีกทางหนึ่งรัสเซียเตรียมออกกฎหมาย เพื่อห้ามจำหน่ายน้ำมันให้กับประเทศ ร่วมกำหนดเพดานราคาขายน้ำมัน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามคือสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศจีน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ รัฐบาลกำหนดมาตรการควบคุมที่เข้มงวด แต่ขณะเดียวกันก็มีกระแสออกมาชุมนุม ต่อต้านมาตรการควบคุมที่เข้มงวด กรณีดังกล่าวต้อติดตามต่อว่าจะส่งผลกระทบ ต่อกรอบเวลาที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางกลับมาบ้านเราในช่วง 2H66 หรือไม่ ส่วนพรุ่งนี้ตามดูว่า ครม. จะมีการพิจาณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
SETIndex น่าจะผันผวนในกรอบแคบๆ กรอบช่วง 1610 – 1631 จุด Investment Theme ยังกำหนดเป็น Domestic Consumption สำหรับหุ้น Top Pick วันนี้เลือก CRC, COM7 และ KTB
ราคาน้ำมันและก๊าซในยุโรป ยังน่ากังวล แต่ภาพน้ำมันโลกไม่น่าขยับขึ้นแรง จาก DEMAND ที่ชะลอตัวในหลายประเทศ
EU ตัดสินใจยกเลิกการประชุมประเด็นกำหนดราคาน้ำมันจากรัสเซียในวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากสมาชิก EU ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยกลุ่ม G7 เสนอให้มีการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่ง สมาชิกส่วนใหญ่ของ EU เห็นพ้องกับข้อเสนอดังกล่าว แต่โปแลนด์ เอสโทเนีย และลิธัวเนีย ต่างก็มองว่ากรอบดังกล่าวอยู่ในระดับสูงเกินไป โดยต้องการกำหนดราคาที่ระดับเพียง 30 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนไซปรัส กรีซ และมอลตามองว่ากรอบ 65-70ดอลลาร์/บาร์เรลอยู่ใน ระดับต่ำเกินไป และต้องการให้มีการจ่ายเงินชดเชยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการ กำหนดเพดานราคาน้ำมันดังกล่าว
ดังนั้น G7 รวมทั้ง EU และออสเตรเลียมีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ต่อน้ำมันรัสเซียที่มีการขนส่งผ่านทางเรือบรรทุกน้ำมัน แต่ไม่รวม น้ำมันที่มีการขนส่งผ่านท่อส่งน้ำมัน ซึ่งคาดการเจรจาดังกล่าวเลื่อนมาเป็น 28 พ.ย.65
ขณะที่ฝั่งรัสเซียตอบโต้กลับ โดยกำลังร่างกฤษฎีกาห้ามการขายน้ำมันของรัสเซีย ให้กับทั้ง บริษัทและประเทศที่เข้าร่วมในกลไกกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย คาดทำให้ราคา น้ำมันในช่วงสั้นผันผวน แต่ไม่น่าจะขยับขึ้นได้มากนัก เนื่องจาก Demand การใช้น้ำมันทั่ว โลกยังชะลอตัว หลังมีความเสี่ยง Recession ในหลายประเทศ
ราคาก๊าซธรรมชาติ
การหารือกำหนดเพดานราคาก๊าซของชาติสมาชิก EU ไม่สำเร็จ เนื่องจากประเทศสมาชิก เสียงแตก เช่น เยอรมัน กรีซ (โดยจะหารือกันอีกครั้งในเดือน ธ.ค.65 เพื่อหารือทางออกกับ ปัญหาดังกล่าว) โดยล่าสุดการกำหนดราคาขายก๊าซสูงสุดในยุโรปห้ามเกิน 275 ยูโร/เมกา วัตต์ชั่วโมง ซึ่งการคว่ำบาตรของยุโรปต่อรัสเซีย ทำให้ปริมาณก๊าซที่รัสเซียส่งไปยัง EU ลดลงมาก จนล่าสุดอยู่ที่ 10%(ในสภาวะปกติในอดีตอยู่ที่ 40%) ทำให้ยุโรปต้องเผชิญ ปัญหาราคาพลังงานพุ่งขึ้นสูงในช่วงฤดูหนาว ซึ่งราคาก๊าซในปัจจุบันของประเทศสมาชิก EU สูงกว่าในอดีตมาก (ช่วงปี 2020-2021)
สรุป ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในยุโรป อาจผันผวนช่วงสั้น หลัง EU ขยาย ขอบเขตการ Sanction รัสเซียอีกครั้ง ผ่านการกำหนดเพดานราคาขายพลังงาน ซึ่ง เป็นประเด็นที่ต้องติดตามพัฒนาการต่อไป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติทั่ว โลก ยังคงทยอยปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อภาวะ Recession ในหลาย ประเทศ
ความเสี่ยง ภูมิรัฐศาสตร์ และ COVID ในจีน กดดัน สินทรัพย์เสี่ยง
ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ยังคงน่าติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าจะเข้ากดดัน Sentiment ตลาดหุ้นในช่วงสั้น โดยล่าสุดมีการเคลื่อนไหวซ้อมรบของกองกำลัง NATO ซึ่งมีทหารเข้าร่วมกว่า 2,000 นาย บริเวณทางตอนเหนือของโปรแลนด์ รวมถึงความตึง เครียดบนคาบสมุทรเกาหลีได้กลับมาอีกครั้ง หลังผู้นำเกาหลีเหนือ (คิม จองอึน) ประกาศ ถึงเป้าหมายสูงสุดว่า เกาหลีเหนือต้องเป็นกองกำลังนิวเคลียร์ที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลก
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศจีน มีประชาชนจำนวนมากออกมา ประท้วงรัฐบาลจีน แสดงความไม่พอใจกับเหตุเพลิงไหม้ตึกที่ไม่สามารถเข้าไปช่วย ผู้ประสบภัยได้ทันการณ์ เนื่องจากตึกถูกล็อกดาวน์บางส่วน รวมถึงต่อต้านนโยบาย ZeroCovid ที่ดำเนินมาแล้วเกือบ 3 ปีขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 อยู่ที่ 39,791 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 65) กดดันหุ้นจีนเช้านี้ ปรับตัวลงไปกว่า 4% และราคาน้ำมันดิบ WTI ลง 2.5% มาอยู่ที่ 74.2 เหรียญต่อบาร์เรล (ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน)
ประเด็นดังกล่าว ถือเป็นกระแสเชิงลบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาไทยได้ช้าลง ซึ่งปัจจุบันเดือน ต.ค. 65 มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 3.5 หมื่นรายต่อเดือน ต่ำกว่าภาวะปกติ ช่วงก่อนเกิดโควิดมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าเกือบ 1 ล้านรายต่อเดือน (11 ล้านรายต่อปี) อย่างไรก็ตามในภาพระยะยาวน่าจะกระทบต่อประมาณการน้อย เนื่องจากฝ่ายวิจัยฯ คาด ว่านักท่องเที่ยวจีนน่าจะเข้ามาในประเทศไทยชัดเจนในช่วงกลางปี 66 เป็นต้นไป อีกทั้ง สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันยังฟื้นตัวได้ดี โดนตลอดทั้งปี 65 ททท. ยังคง คาดการณ์เดิมว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทยราว 10 ล้านราย และปีหน้าราว 20 ล้านราย
สรุป ปัจจัยความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์คาดว่าจะเข้ามากดดัน Sentiment ภาพรวม ตลาดหุ้นในช่วงสั้น ขณะที่มาตรการ Zero-Covid ในจีน ถือเป็นกระแสเชิงลบต่อ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาไทยได้ช้าลง อย่างไรก็ตามสถานการณ์การท่องเที่ยว ไทยในปัจจุบันยังถือว่าฟื้นตัวได้ดี
รอลุ้นแพคเกจ ช้อบดีมีคืน และติดตามประชุมกนง. สัปดาห์นี้
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางที่แข็งแกร่ง โดยสำนักเศรษฐกิจต่างประเทศคาด GDP66F ของไทยยังเติบโตได้ 3.7% -4.3% อีกทั้งล่าสุดS&P คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ (Lower Medium Grade)จากแนวโน้มการท่องเที่ยวการลงทุนการลงฟื้นตัว แสดง ให้เห็นถึงสถานะทางการเงินไทยยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งทางการเงินไว้ได้
ขณะที่สัปดาห์นี้ติดตามหลายปัจจัยขับเคลื่อนและเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศและยัง พอมีหุ้นได้ Sentiment บวกหนุนดังนี้
• 28 พ.ย. 65 รายงานตัวเลขการนำเข้า-ส่งออกในเดือนต.ค ตลาดคาดเติบโต 6%yoy และ 11%yoy ตามลำดับ
• 29 พ.ย. 65 การประชุม ครม. เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แม้ ล่าสุดรมว.คลัง ยันไม่ต่อ "คนละครึ่งเฟส 6" ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่จะยังมี มาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เป็น "ของขวัญปีใหม่" ให้ประชาชน ซึ่งถ้ามีแพคเกจ ช้อป ดีมีคืน (กำหนดวงเงินลดหย่อนภาษี40,000 บาท) น่าจะยังเป็น Sentiment ที่ดี ให้กับหุ้นค้าปลีก ที่มีค่าใช้จ่ายต่อบิลสูง อย่าง CRC, COM7, BJC, MAKRO
• 30 พ.ย. 65 การประชุม กนง. ครั้งที่ 6 โดย Consensus คาดว่าจะมีการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย 0.25% ณ ปลายปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.25% ถือเป็น Sentiment เล็กๆ หนุนหุ้นกลุ่ม ธ.พ. แนะนำ KTB, BBL, KBANK (BK:KBANK)
• 1-12 ธ.ค. 65 การจัดงาน Motor Expo 2022 ที่คาดว่ามีเงินสะพัดมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นอานิสงค์บวกกับอุตสาหรรมที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกลุ่ม EV เป็นกระบวกต่อหุ้น GPSC EA AMATA WHA
ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้ 1610 – 1631 จุด Top pick วันนี้ เลือกหุ้นน่าจะมีกระแสเชิงบวกหนุน KTB COM7 CRC
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities