ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SETIndex ปรับขึ้นมาตามคาด โดยปรับขึ้นมารวมเกือบ 80 จุด ซึ่งจากการประเมินปัจจัยแวดล้อมสัปดาห์นี้ เห็นว่ายังไม่มีเรื่องใหม่ที่มีน้ำหนัก เข้ามาขับเคลี่อน ทำให้มีโอกาสเห็น SET Index พักตัวเพื่อสร้างฐานให้แข็งแกร่ง ก่อนที่จะปรับขึ้นรอบใหม่ สำหรับปัจจัยที่น่าสนใจเช้านี้ เริ่มจากที่นโยบาย Zero Covid ของจีนที่เริ่มผ่อนคลายโดยลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางเข้ามา จากต่างประเทศ จาก 10 วันเหลือ 8 วัน ซึ่งเป็นการปรับลดจำนวนวันกักตัวภายใต้ สถานการณ์ที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่สูงขึ้น สะท้อนมุมมองต่อ Covid ที่ผ่อนคลาย ลง ข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจคือการรายงานตัวเลข Foreign Exchange Reserves ของบ้านเรา เดือน ต.ค. ที่ปรับตัวสูงชึ้นโดยยกขึ้นมาอยู่เหนือ 2 แสน ล้าน USD อีกครั้ง ซึ่งทิศทางดังกล่าวดีต่อค่าเงินบาท และ Fund Flow
SET Index ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปรับขึ้นแรง ขณะที่เริ่มชนแนวต้านทาง Technic คาดจะเห็นการพักตัวเพื่อสร้างฐานช่วง 1631 – 1650 จุด แต่ยังอยู่ในแนวโน้มขึ้น หุ้นที่เลือกเป็น Top Pick วันนี้ได้แก่ COM7, OR และ SCGP
จีนผ่อนคลายมาตรการ ZERO-COVID แม้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม
ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศจีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเฉลี่ย 9,412 ราย/วัน ทำสถิติใหม่ในรอบรอบ 6 เดือน และยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 24,261 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พ.ย. 65) แต่ยังห่างจากตัวเลขประชากรจีนที่ 1.4 พันล้านคนอยู่มาก และล่าสุด คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NCF) ยังออกมาประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโค วิด-19 (Zero-Covid) โดยมีแนวทางการปฏิบัติยู่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
• ยกเลิกมาตราการห้ามเที่ยวบินโดยสารที่มีการนำผู้โดยสารที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้าประเทศจีน
• ลดจำนวนวันกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศจีน เหลือเพียง 8 วัน (พักในโรงแรม 5 วัน + 3 วัน ในบ้าน) จากเดิม 10 วัน (7+3)
• ลดระยะเวลาตรวจหาเชื้อ PCR ก่อนขึ้นเครื่องบินจีนเพียง 1 ครั้งจากเดิม 2 ครั้ง
นอกจากนี้NCF ยังยกเลิกข้อกำหนดระบุตัวและกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดระดับสอง ซึ่งถือเป็น อีกหนึ่งสัญญาณการผ่อนคลายที่เพิ่มมากขึ้น
การดำเนินมาตรการดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความ Active มากขึ้นที่จะอยู่ร่วมกับโค วิด-19 ดังเช่นประเทศอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จีนอาจกลับมาเปิดประประเทศในระยะต่อไป เพื่อ ขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2566แนวทางดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นจีน ปิดตัวในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng Index) ตลาดหุ้น ฮ่องกงพุ่งขึ้นแรงราว 7.7% และล่าสุดเช้านี้ Hang Seng Future Index ยังพุ่งขึ้นต่ออีก ราว 4%
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าดัชนี HSI ที่กลับตัวขึ้นมาแรง จะส่งผลต่อหุ้นไทยที่มีการเคลื่อนไหวใน เชิงบวกตามดัชนี้ HSI เช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวคล้ายๆ กับดัชนีหุ้นจีน HSI Inex สะท้อนจากค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) 100 วัน เฉลี่ยย้อนหลังไป 5 ปีที่อยู่ใน ระดับสูง อาทิ HANA (+0.49), BEC (0.41), WICE (+0.41), KCE (+0.39), TKN (+0.39), SCC (+0.33), SGP (+0.33) เป็นต้น
สรุป ทางการจีนผ่อนคลายมาตราการ Zero-Covid แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าจีน Active มากขึ้นที่จะอยู่ร่วมกับโควิดดังเช่นประเทศอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จีนอาจกลับมาเปิดประเประเทศในระยะต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคง ต้องติดตามกันต่อไป เนื่องจากจะส่งผลกระทบในเชิงบวกกับไทยหลายด้าน อาทิ การ ท่องเที่ยว การค้าการลงทุน รวมถึงเป็นอีกหนึ่งแรงส่งที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยที่เคลื่อนไหว ตามตลาดหุ้นจีน
FOREIGN RESERVE ไทยเริ่มดี หนุนบาทแข็ง FLOW ต่างชาติเข้าหุ้นไทย
หลังเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ต.ค.65 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดที่ระดับ 7.7%YoY บวกกับจีน ประกาศผ่อนคลายมาตการ Zero-Covid จึงทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาด การเงินโลกเริ่มชะลอตัว และเห็นเม็ดเงินโยกย้ายเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นมากขึ้น ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าแรง ล่าสุดอยู่ที่ 106.42 จุด ทำให้สกุลเงินของประเทศต่างๆ กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยไทยก็ได้รับอานิสงค์ดังกล่าวเช่นกัน โดยค่าเงินบาทแข็งค่าสุดใน รอบ 3 เดือนไป อยู่ที่ระดับ 35.97 บาท/เหรียญฯ
โดยหากพิจารณาเฉพาะประเทศไทย จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆเริ่มดีขึ้น เป็นไป ตาม Roadmap ที่ฝ่ายวิจัยฯ ได้นำเสนอไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งดุลการค้าที่ปรับตัวดีขึ้น, ดุล บริการที่ขาดดุลน้อยลง หนุนดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกกลับมาเป็นบวก ซึ่งล่าสุด ธปท. รายงานตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดเดือน ต.ค. อยู่ที่ 201,907 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 199,445 ล้านดอลลาร์ ขณะที่สัดส่วนทุนสำรอง (เดือน ต.ค.) ต่อมูลค่าการนำเข้า (เดือน ก.ย.)ของไทยอยู่ที่ราว 7.8 เดือน (201,907/25,773) สูงกว่าเกณฑ์เช่นกัน (โดยประเทศควรจะมีทุนสำรองเพียงพอที่จะ นำเข้าได้มากกว่า 3 เดือน) แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีเสถียรภาพด้านการเงินที่ แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนต่อการแข็งค่าของเงินบาท และ Fund Flow ต่างชาติ ไหลเข้าหุ้นไทยในระยะถัดไป
สรุปประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงของสหรัฐฯ ทำให้ Dollar Index อ่อนค่าลง หนุนค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว สังเกตได้จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่พลิกกลับมาเหนือ 0 และ Foreign Reserve ที่เริ่มมี มากขึ้น (เพิ่มขึ้นหลังจากจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี) คาดเป็นส่วนหนึ่งให้ Flow ต่างชาติไหล เข้าตลาดหุ้นต่อไป
ค้นหาหุ้นลงลึก กำไรโต ต่างชาติเก็บสะสม
ต่างชาติซื้อหุ้นไทยตลอด 16 วันทำการ หนุน SET Index ขึ้นมาร้อนแรง 50 จุด หรือ ราว 3% การขึ้นมาเร็วของ SET Index จนใกล้ทดสอบแนวต้านสำคัญ 1650 จุด และแนวต้าน ถัดไป 1665 จุด อาจทำให้ SET ติดๆ ในช่วงสั้น อย่างไรก็ตามหากลงรายละเอียดเป็นราย บริษัท ยังเห็นหุ้นน่าลงทุนอีกหลายบริษัท
โดยฝ่ายวิจัยทำการคัดกรองหุ้นน่าสะสม 2 ชุด
• หุ้นที่ย่อตัวลงมาลึกมากๆ (Return ytd 0%) คือ COM7 KCE VGI SAWAD
• หุ้นที่ปีนี้ย่อตัว (Return ytd 0%) พร้อมกับต่างชาติทยอยเก็บสะสม (ณ 20 ต.ค. –11 พ.ย. 65) คือ ADVANC CBG SCC BEC SCGP เป็นต้น
หุ้นทั้ง 2 กลุ่ม คาด Downside ค่อนข้างจำกัด และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อทั้งแรงหนุนจาก การเติบโตของกำไรหรือ Fund Flow ต่างชาติหนุน
ส่วน Top pick วันนี้แนะนำ 3 หุ้นในกลุ่มดังกล่าว COM7, OR, SCGP
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities