SET Index วานนี้ปรับฐานลงมา แต่จากการพิจารณาปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน เห็นว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังเห็นภาพค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนี่องล่าสุด หลุดระดับ 37 บาท/USD ลงมา ขณะที่ Fund Flow จากนักลงทุนต่างชาติยังซื้อ สุทธิในตลาดหุ้นไทย สำหรับประเด็นที่ติดตามมี 2 เรื่องคือ ผลการเลือกตั้งกลาง เทอมในสหรัฐ ซึ่งดูเหมือนว่า Republican จะกลับมาอยู่ในฝ่ายที่ได้เปรียบ ส่วน อีกเรื่องหนึ่งเป็น การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค.65 ของสหรัฐฯ ซึ่ง Consensus คาดว่าจะอยู่ที่ 7.9% YoY ลดลงจากระดับ 8.2% ในเดือนที่ผ่านมา หากเป็นไปตามคาดก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงกดดันในการเดินนโยบายการเงิน ตึงตัวของ Fed ด้วยปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวทำให้เชื่อว่าการปรับตัวลงของ SET Index วานนี้น่าจะเป็นเพียงการปรับฐาน ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแนวโน้ม
คาดว่า SET Index ผันผวนอยู่ในกรอบ 1613 – 1636 จุด Investment Theme วันนี้ ให้ความสนใจกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลฟุตบอลโลก โดยหุ้นที่เลือก เป็น Top Pick วันนี้ได้แก่ BEC, CRC และ OR
การระบาด COVID-19 อาจกลับมาช่วงหน้าหนาว สร้างแรงกดดันต่อ เศรษฐกิจชะลอตัว
การแพร่ระบาดโควิด-19 ในชุมชนของจีนมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางฤดูหนาวที่ ใกล้จะมาถึงยิ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามี จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 360% และล่าสุดทางการจีนได้สั่ง Lock Down เขตเฉาหยาย ในกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 78 ราย พุ่งแตะระดับสูงสุด ในรอบ 5 เดือน ส่งผลให้รัฐบาลยังคงดำเนินนโยบายควบคุมการแพร่รบาดฯอย่างเข้มงวด (Zero-Covid)
ทั้งนี้หากจีนมีการประกาศ Lock Down อยู่บ่อยครั้ง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญความ เสี่ยงกับการชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะทำให้เกิด Sentiment เชิงลบ ต่อภาคการท่องเที่ยวไทยไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคาดหวังว่าจะเห็นนักท่องเที่ยว จีนกลับมาในช่วง 2H66 ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่กระทบสมมุติฐานในการจัดทำ ประมาณการ อีกทั้งประเทศไทยยังมีสัญญาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ปรับตัว เพิ่มขึ้นจากระดับ 91.8 จุด ในเดือนก.ย. เป็นระดับ 93.1 ในเดือนต.ค. (เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน) หลังองค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ อาทิ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ฯลฯ นอกจากนี้ ธปท. ยังเผยความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมใน เดือน ต.ค.65 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ 49% ในช่วง High Season และยังคาดการณ์ว่าในช่วงที่เหลือของปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทยอยเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือน พ.ย.65 อยู่ที่ 52%
สรุป การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่นุนแรงมีความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว อาจทำให้ ทางการจีนยังดำเนินนโยบาย Zero-Covid อย่างเข้มงวด และประกาศ Lock Down ต่อเนื่อง คาดทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไม่น่าจะได้รับ ผลกระทบมากนัก หลังมีสัญญาการฟื้นตัวเข้ามาไม่ขาดสาย
FLOW ต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทย 14 วันติดต่อกัน หนุนเงินบาทแข็งค่าสุดใน รอบ 2 เดือน ขณะที่ระยะถัดไปเศรษฐกิจยังดี หนุน FLOW ต่างชาติเข้าต่อ
เดือน ต.ค.65 ตลาดหุ้นไทยเจอแรงกดดันจากปัจจัยนอกมากมาย ทั้งสงครามรัสเซียยูเครน, ความกังวลเงินเฟ้อที่เร่งขึ้น, การใช้มาตการ Zero-Covid ของจีน แต่จะเห็นได้ว่า Fund Flow มีลักษณะสะดุดช่วงสั้นเท่านั้น และในช่วงท้ายๆ เดือน ต.ค.65 ต่างชาติก็ กลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่าติดต่อกัน 14 วันทำการ คิดเป็น มูลค่าซื้อสุทธิรวม 3.4 หมื่นล้านบาท และยังคาดหวังการไหลเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่อง สะท้อนได้จาก Fund Flow ที่ไหลเข้ามาพักในตราสารหนี้ระยะสั้น (Bond อายุ น้อยกว่า 1 ปี) กว่า 7.52 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน จึงกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ต่ำกว่า 37 บาท/เหรียญฯ ทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 เดือน
เงินบาทแข็งค่าต่ำกว่า 37 บาท/ดอลลาร์ในรอบ 2 เดือน ยังคงเห็นความต่อเนื่องของ Fund Flow หนุนบาทแข็งต่อ
และในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา แม้ต่างชาติจะซื้อสุทธิต่อเนื่อง แต่สถาบันในประเทศขาย สุทธิหุ้นไทยกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท กดดันให้ SET ในช่วงสั้นให้ทรงตัวอยู่ในบริเวณ +- 1620 จุด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม ในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ต่างกับประเทศพัฒนายังมี ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงแรงกดดันจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของไทย ถือว่า ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป
นอกจากนี้หากพิจารณาสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ พบว่ายังอยู่ใน ระดับต่ำ ณ 9 พ.ย. 65 ต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรงเพียง 22.04% (แต่ก่อนถือเกือบ 30%) และถือผ่าน NVDR เพียง 5.74% เท่านั้น (แต่ก่อนถือเกือบ 7.5%) แสดงให้เห็นถึง Downside ในการขายที่จำกัดและมีโอกาสกลับมาซื้อสุทธิเพิ่มเติมได้
สรุป Fund Flow ต่างชาติเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาด หุ้นไทยได้ และ SET Index มีโอกาสขยับขึ้นได้ดีในวันที่ต่างชาติซื้อสุทธิ ส่วนช่วงเวลา ที่เหลือของปี ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ ทั้ง จากสัดส่วนการถือครองที่ต่ำ เศรษฐกิจไทยเดินหน้าเร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ล้วน เป็นตัวกระตุ้นที่ดี
กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นขนาดใหญ่เป้าหมาย Flow ต่างชาติ กำไรผ่านจุดต่ำสุดในงวด 3Q65 หรือ กำไรโตต่อในงวด 4Q65 อาทิ CRC CBG SCGP CENTEL GULF และ SCC เป็นต้น
FIFA WORLD CUP PLAY ชอบ BEC CRC
ใกล้เข้าสู่ช่วงถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 จัดขึ้นที่กาตาร์ช่วง 20 พ.ย. 18 ธ.ค. 65 ปัจจุบัน เห็นความคืบหน้ามีโอกาสได้เห็นการถ่ายทอดฟุตบอลโลก หลังจากกสทช. อนุมัติ 600 ล้าน ซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก 2022 (ยังขาด อีก 1,000 ล้านบาท ที่มาซื้อต่อต้องติดตามต่อว่าใครจะ มาซื้อลิขสิทธิ์ต่อ) แต่เบื้องต้นทางหอการค้าไทยคาดว่าบอลโลก 2022 จะมีเงินหมุนเวียน ในระบบสูงถึง 75.8 หมื่นล้านบาท (มีสัดส่วนราว 0.5% ของ GDP)
ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ ทำการศึกษาสถิติในอดีตช่วงที่มีการจัดงานฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเสมอ เฉลี่ย 4.2% (มี เพียงปี 2018 ที่ผลตอบแทนติดลบ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากประเด็น Trade War)
อีกทั้งการจัดฟุตบอลโลกปีนี้มีความได้เปรียบ เนื่องจากปกติจัดในช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. แต่ปี 2022 จัดในเดือน พ.ย. - ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยพอดี ยิ่งเป็นแรง หนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Consumption ให้มีความน่าสนใจในการเก็งกำไรมากขึ้น
แนะนำสะสมหุ้นได้รับกระแสบอลโลก พร้อมกับกำไรงวด 4Q22 เด่นขึ้น อย่าง กลุ่มค้า ปลีก (BJC, CPALL (BK:CPALL), MAKRO, HMPRO, CRC), กลุ่มอาหาร (MINT, CENTEL), กลุ่ม สื่อโฆษณา (BEC, ONEE, RS)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities